นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในงานเสวนา" Restart เศรษฐกิจไทยฝ่าภัยโควิด "เปิดแผน..เดินหน้าเศรษฐกิจไทย"ว่า ประเทศไทยยังมีเสน่ห์ในการลงทุนอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นการมีโครงสร้างพื้นฐานที่ครบถ้วน ขณะที่ประเด็นการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ยุโรป ก็น่าจะส่งผลให้หลายๆ ประเทศ ต้องการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยอยู่ จึงมองว่าประเทศไทยยังมีโอกาส แม้จะมีเวียดนามเป็นคู่แข่ง
ทั้งนี้ เชื่อว่าหลังโควิด-19 คลี่คลายลงจะเห็นการเคลื่อนย้ายฐานการผลิต หรือการขยายการลงทุนไปในหลายอุตสาหกรรม เนื่องด้วยประเทศไทยมีความพร้อมในหลายเรื่อง โดยเฉพาะสาธารณูปโภค อีกทั้งยังเดินหน้าลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อย่างต่อเนื่อง
สำหรับเรื่องที่ ส.อ.ท.พยายามผลักดันอยู่ในขณะนี้ คือเรื่องของ Made in Thailand โดยจะทำอย่างไรเพื่อให้คนไทยซื้อของไทย โดยเฉพาะภาครัฐ ซึ่งเป็นการช่วยให้อุตสาหกรรมไทยอยู่รอดมากขึ้น ประกอบกับการแก้ไขกฎหมายให้เอื้อต่อการทำธุรกิจของภาคเอกชน โดยแนะภาครัฐ ร่วมเจรจาภาคเอกชน เพื่อหารือข้อจำกัด หรืออุปสรรคการทำธุรกิจ หากแก้ปัญหาได้ จะทำให้ประเทศไทยมีความน่าสนใจในการลงทุน และช่วยให้อุตสาหกรรมเข้มแข็งขึ้น
"ที่ผ่านมาเราไม่ค่อยได้ทำงานร่วมกันกับภาครัฐเลย แม้มีคุยกันบ้างระหว่างภาครัฐและเอกชน แต่ในส่วนของคอขวดจริงๆ เราไม่ได้ร่วมกันแก้ปัญหา เราไม่มีโอกาสในการแก้ปัญหา รวมถึงคอขวดการนำเข้าวัคซีน เราก็ไม่มีโอกาส ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เมื่อเกิดวิกฤต เอกชนก็พร้อมที่จะเข้าไปสนับสนุน" นายสุพันธ์ กล่าว
นอกจากนี้ ส.อ.ท.ยังมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 5 คณะ เพื่อช่วยในเรื่องของรักษา เยียวยา ป้องกัน เพื่อเตรียมความพร้อมในอนาคต เนื่องจากเล็งเห็นว่าการระบาดโควิด-19 จะยังแก้ไขไม่ได้ในเร็ววันนี้
ขณะที่มองว่าการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจากนี้ไป เขาจะไม่ได้ดูแค่เรื่องการฉีดวัคซีนอย่างเดียว แต่ดูในระยะยาว ว่าการลงทุนจะลดต้นทุนได้อย่างไร มีวัตถุดิบเพียงพอหรือไม่ ระบบโลจิสติกส์เป็นอย่างไร สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้อย่างไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ภาคอุตสาหกรรมไทย มีความพร้อมพอสมควร