นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวในงานเสวนา "Restart เศรษฐกิจไทยฝ่าภัยโควิด ช่วง "เปิดแผน...เดินหน้าเศรษฐกิจไทย"ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ค่อนข้างรุนแรงในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อ Sentiment ภาพรวมของผู้บริโภค คนทำธุรกิจ และเงินในกระเป๋าที่เริ่มลดลงต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการล็อกดาวน์ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง 10 จังหวัดกระทบห้างค้าปลีกพอสมควร โดยส่งผลกระทบต่อห้างค้าปลีก ทำให้ยอดขายติดลบตั้งแต่ -20% ไปจนถึง -90% ของยอดขายปกติ ประกอบกับ ก็มีหลายธุรกิจปรับตัว จากการใช้ออนไลน์ สาขาและดิลิเวอรี่ให้เกิดประโยชน์ ทำให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถมียอดขายฟื้นตัวขึ้นมาได้ ประมาณ 30-70% ของยอดขายปกติในระหว่างที่ล็อกดาวน์
อย่างไรก็ตาม เมื่อยอดขายห้างค้าปลีกหดตัวลง ก็ได้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ เนื่องด้วยกลุ่มค้าปลีกไทยมีตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยเชื่อมโยงกับ SME มากกว่า 3.1 ล้านราย ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ เมื่อเจอผลกระทบดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจของไทยเป็นอัมพาตไปเกือบครึ่งตัวแล้ว ซึ่งทั้ง 3 ภาค ได้แก่ ภาคการผลิต ภาคค้าปลีก และการท่องเที่ยว เมื่อเจอวิกฤติภาคใดภาคหนึ่งก็มักจะเกิดผลกระทบแบบโดมิโนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทางสมาคมฯ ก็มีการช่วยเหลือผ่านโครงการพี่ช่วยน้อง หรือบริษัทใหญ่ช่วยบริษัทเล็ก เช่น การให้เงินสดหมุนเวียน, การช่วย SME ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนจากธนาคารพาณิชย์ และการเข้าถึงซอฟท์โลนภาครัฐ
สำหรับการพลิกฟื้นธุรกิจให้สามารถเดินต่อไปได้ในภาวะวิกฤติครั้งนี้ แนะ SME หรือผู้ประกอบการค้าปลีก ทำตัวเองให้เบาที่สุด เช่น การลดต้นทุน เร่งระบายสินค้า เพื่อลดค่าใช้จ่ายต่างๆ และเพิ่มการระมัดระวังการขยายการลงทุน, กอดเงินสดให้มากที่สุด และหาช่องทางการขายในรูปแบบอื่น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า รวมถึงต้องตรึงราคาสินค้าให้ได้มากที่สุด, ปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมผู้บริโภค