พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บริการรถแท็กซี่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในปัจจุบันครั้งละ 50 บาทถือว่ามีความเหมาะสมแล้ว หากผู้ประกอบการรถแท็กซี่ขอปรับเพิ่ม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาความเหมาะสมและให้ความเป็นธรรมทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากฎกระทรวงจะระบุอัตราสูงสุดของค่าธรรมเนียมการใช้บริการรถแท็กซี่ที่ท่าอากาศยานสูงถึง 100 บาท แต่การจะปรับขึ้นจะต้องพิจารณาความเหมาะสมด้วย ไม่ใช่ว่าต้องปรับเต็มอัตราที่กำหนด ขณะเดียวกันกรมการขนส่งทางบกจะต้องพิจารณาอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ประกอบด้วย เพื่อไม่ใช้ค่าใช้จ่ายในภาพรวมของผู้โดยสารสูงเกินไป
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลที่จะปรับราคาเพิ่มอีกในวันนี้เป็นลิตรละ 28.14 บาท ซึ่งกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี (ขน.) เคยรับปากผู้ประกอบการเรือโดยสารไว้ว่าหากราคาน้ำมันดีเซลสูงเกินลิตรละ 28 บาทจะพิจารณาปรับเพิ่มค่าโดยสารให้นั้นเป็นหน้าที่ของ ขน. ที่จะพิจารณาความเหมาะสม และพิจารณาเหตุผลความจำเป็นในการปรับขึ้นค่าโดยสาร
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวต้องการให้ผู้ประกอบการรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันให้นิ่งเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ก่อน โดยหากราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยพอรับได้ก็ขอให้ผู้ประกอบการเรือโดยสารตรึงค่าโดยสารไว้ก่อน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชน ส่วนการขนส่งทางบกนั้น บริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) จะยังคงตรึงค่าโดยสารไปจนถึงเดือน ม.ค.51
ด้านนายธีรวุฒิ สาริกะวณิช ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการขนส่ง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. กล่าวว่า ค่าธรรมเนียมการใช้บริการรถแท็กซี่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กำหนดตามอัตราเดิมที่เคยจัดเก็บที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งค่าธรรมเนียมนี้ ทอท. ไม่มีส่วนในการจัดเก็บแต่เป็นรายได้ของผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ซึ่งเป็นค่าเสียเวลาในการเข้ามารับผู้โดยสารในท่าอากาศยาน โดยหากผู้ประกอบการรถแท็กซี่จะขอปรับขึ้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวก็ต้องไปขอที่กระทรวงคมนาคม
--อินโฟเควสท์ โดย คคฦ/เสาวลักษณ์/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--