นายโรดริโก ราโต ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนการประชุมไอเอ็มเอฟซึ่งจะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในขณะนี้ กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และคาดว่ามีความเสี่ยงสูงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะชะงักงัน
"ความต้องการที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ตลาดตกอยู่ในภาวะที่ตึงตัวอย่างมาก ในการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกนั้น ไอเอ็มเอฟพิจารณาบนพื้นฐานของราคาน้ำมันที่เคลื่อนไหวที่ระดับ 77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลและคาดว่าจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 78 ดอลลาร์ในปีหน้า แต่สถานการณ์น้ำมันในขณะนี้ทำให้เราคาดว่า ราคามีแต่จะพุ่งขึ้นอีก ไม่ใช่ปรับตัวลดลง" นายราโตกล่าว
"ส่วนปัจจัยอื่นที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นคือความวิตกกังวลด้านการเมืองระหว่างประเทศ รวมถึงการที่รัฐสภาตุรกีอนุมัติให้กองกำลังทหารตุรกีบุกข้ามพรมแดนไปกวาดล้างกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนชาวเคิร์ดซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือของอิรัก"
"ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วนี้อาจก่อให้เกิดป้ญหาเงินเฟ้อสำหรับรัฐบาลในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว" ราโตกล่าว
เมื่อคืนนี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นทะลุระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะขยับลงมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 89.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ นายราโตกล่าวว่า "กองทุนของรัฐบาลควรเปิดเผยข้อมูลให้นักลงทุนรับรู้มากขึ้นเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการลงทุน ความโปร่งใสเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับกองทุน ที่ผ่านมานั้นไอเอ็มเอฟติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มกองทุนมาโดยตลอด และเราจะขอให้กองทุนเหล่านี้ทำธุรกรรมซื้อขายน้ำมันในต่างประเทศด้วยความโปร่งใส"
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า หลายประเทศ อาทิ จีน ซาอุดิอาระเบีย และคูเวต มีกองทุนเพื่อการลงทุนประเภทดังกล่าว และคาดว่ากองทุนเหล่านี้จะหารือกับรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางกลุ่มประเทศ G7 ในวันนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--