นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า ตามที่กรมฯ ออกประกาศเชิญชวนให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงสำรวจเขตพื้นที่บนบก หมายเลข L1/64 จำนวน 1 แปลง พื้นที่รวม 78.90 ตารางกิโลเมตร เขตจังหวัดสุโขทัย และกำแพงเพชร ในรูปแบบสัมปทาน และได้เปิดห้อง Data Room ให้ผู้ที่สนใจยื่นขอสิทธิฯ ได้ศึกษาข้อมูลแปลงสำรวจดังกล่าวอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อจัดทำข้อมูลต่างๆ ในการยื่นคำขอสิทธิฯ ระหว่างวันที่ 29 ก.ค.-2 ส.ค.64 นั้น มีบริษัทเอกชน จำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท ซีเอ็นพีซีเอชเค (ไทยแลนด์) จำกัด และ บริษัท เอนเนอร์จี ไทย เทรดดิ้ง ฮับ ได้ยื่นคำขอสิทธิฯ ในแปลงสำรวจปิโตรเลียมแหล่งบนบกดังกล่าว
โดยเอกสารต่าง ๆ ในการยื่นขอสิทธิฯ ประกอบด้วย เอกสารด้านคุณสมบัติของผู้ประกอบการปิโตรเลียมตามกฎหมาย เอกสารข้อเสนอด้านเทคนิค ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการสำรวจปิโตรเลียม ข้อผูกพันด้านปริมาณเงินและปริมาณงานสำหรับการสำรวจปิโตรเลียม รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับผลประโยชน์พิเศษแก่รัฐด้วย
ทั้งนี้ หลังจากยื่นคำขอสิทธิฯ แล้ว กรมฯ จะนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคำขอสิทธิฯ โดยมีขั้นตอนการพิจารณาผ่านคณะอนุกรรมการพิจารณาการให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม คณะอนุกรรมการพิจารณาข้อกฎหมายและร่างสัมปทานปิโตรเลียม คณะกรรมการปิโตรเลียม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานตามลำดับ โดยขั้นตอนการพิจารณาดังกล่าว จะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน และจะนำผลผู้ได้รับการคัดเลือกเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถประกาศผลผู้ได้รับสิทธิฯ ภายในเดือนต.ค.64
"การดำเนินการทุกขั้นตอน เป็นไปอย่างเปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ มีเป้าหมายส่งเสริมให้เกิดการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นพบแหล่งปิโตรเลียมใหม่ ๆ ช่วยให้เกิดการสร้างงาน การจัดสรรรายได้แก่ท้องถิ่น และประเทศ รวมทั้งเกิดประโยชน์ประการสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศอย่างต่อเนื่องด้วย" นายสราวุธ กล่าว
สำหรับการเปิดยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงสำรวจเขตพื้นที่บนบก หมายเลข L1/64 ครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 พื้นที่ คือ พื้นที่ A มีพื้นที่ประมาณ 67.66 ตารางกิโลเมตร และพื้นที่ B มีพื้นที่ประมาณ 11.24 ตารางกิโลเมตร โดยพื้นที่ B คือ แปลงสำรวจ NC เดิม ซึ่งได้สิ้นสุดระยะเวลาผลิตปิโตรเลียม ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.2564 แต่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติพิจารณาแล้วเห็นว่าแปลง NC ยังคงมีศักยภาพในการผลิตปิโตรเลียมอยู่
อีกทั้งการสำรวจหาศักยภาพปิโตรเลียมเพิ่มเติมในพื้นที่ A จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการสำรวจและค้นพบปิโตรเลียมในพื้นที่ใหม่เพิ่มเติม และส่งเสริมให้มีการนำทรัพยากรของประเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงได้เปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแปลงสำรวจดังกล่าว