นายสมหมาย ภาษี รมช.คลัง ยืนยันว่า จะผลักดัน พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝากเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ภายในรัฐบาลชุดนี้ เพราะเห็นว่าเป็นกฎหมายที่สำคัญแม้แต่ประเทศด้อยพัฒนากว่าไทย เช่น อินโดนีเซีย ยังได้บังคับใช้กฎหมายดังกล่าวมาแล้ว 3-4 ปี
เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวทำให้ประชาชนได้ปรับตัวในเรื่องการฝากเงิน และเป็นกฎหมายที่สร้างความรับผิดชอบให้เกิดขึ้นในระบบธนาคารพาณิชย์ และสอดรับกับการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แต่โดยหลักการยังคงคุ้มครองผู้ฝากเงิน
แม้กฎหมายดังกล่าวจะกำหนดให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากต้องให้ความคุ้มครองเงินฝากของผู้ฝากเงินแต่ละรายในแต่ละสถาบันการเงินตามจำนวนเงินที่ฝากไว้ในทุกบัญชีรวมกันแต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท แต่จะมีบทเฉพาะกาลว่าให้เป็นหน้าที่ของสถาบันคุ้มครองเงินฝากที่จะต้องออก พ.ร.ฎ.กำหนดจำนวนเงินคุ้มครองเงินฝากให้สูงกว่าที่กำหนดไว้ตามกฎหมายนี้ได้สำหรับระยะเวลา 4 ปีแรก ของการบังคับใช้
รมช.คลัง กล่าวว่า การออกกฎหมายฉบับนี้จะต้องชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชน โดยส่วนตัวได้หารือกับ ธปท.แล้ว และจะขอเป็นผู้ชี้แจงด้วยตัวเองเพื่อให้ประชาชนเข้าใจก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้
พร้อมกันนี้ยอมรับว่า หลังกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้อาจส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กต้องปรับตัวมากขึ้น และอาจมีการควบรวมกิจการกันได้ เพราะประชาชนผู้ฝากเงินจะหันไปฝากเงินกับธนาคารที่เชื่อว่าจะมีความมั่นคงมากกว่า ดังนั้นจึงส่งผลให้ธนาคารขนาดเล็กอยู่ไม่ได้เมื่อผู้ฝากเงินไม่ไว้ใจ ซึ่งเรื่องนี้ทางการจะต้องให้เวลาปรับตัวไปตามกฎหมาย
--อินโฟเควสท์ โดย คลฦ/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--