นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โรคระบาดปศุสัตว์ โดยเฉพาะโรคลัมปี สกิน (Lumpy Skin Disease) ที่แพร่ระบาดในโค กระบือ และโรคระบาดอื่น ๆ ที่ระบาดในสุกร ซึ่งกระจายในทุกภูมิภาคของประเทศกว่า 62 จังหวัด ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจด้านปศุสัตว์ ทำให้ราคาผลผลิตตกต่ำ อีกทั้งเกษตรกรมีรายได้ลดลงจนไม่สามารถส่งชำระหนี้ได้ตามกำหนด
ดังนั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และเป็นการช่วยเหลือให้เกษตรกรลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ธ.ก.ส. จึงได้ดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคระบาดปศุสัตว์ ปี 2564 (ผู้เลี้ยงโค กระบือ และสุกร) ทั้งในส่วนของเกษตรกรลูกค้ารายคน วิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร ซึ่งมีหนี้คงเหลือ ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 และมีงวดชำระในปีบัญชี 2564 (งวดเดือนเมษายน 2564 - มีนาคม 2565) ไม่รวมหนี้ในโครงการนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA)โดยแจ้งเหตุความเสียหายจากสถานการณ์ดังกล่าวต่อสำนักงานปศุสัตว์อำเภอ หรือสำนักงานปศุสัตว์จังหวัด และนำเอกสารจากสำนักงานปศุสัตว์ (กษ.01 หรือ กษ.02) มายื่นที่ ธ.ก.ส. สาขาที่ท่านเป็นลูกค้า
ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือกรณีที่มีหนี้วงเงินกู้เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ธ.ก.ส. จะขยายระยะเวลาชำระหนี้ออกไปเป็นระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันครบกำหนดชำระหนี้เดิม และกรณีเงินกู้เพื่อเป็นค่าลงทุน จะทำการทบทวนกระแสเงินสดและปรับตารางการชำระหนี้ใหม่ให้สอดคล้องกับที่มาแห่งรายได้ของลูกค้า อีกทั้งยังลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เหลืออัตรา 0% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 - วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565
โดยมีวงเงินให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
- กรณีประเมินความเสียหายเกิน 50% วงเงินช่วยเหลือเท่ากับต้นเงินกู้คงเหลือ หากเป็นเกษตรกรลูกค้ารายคนสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท วิสาหกิจชุมชนสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท
- กรณีประเมินความเสียหายไม่เกิน 50% วงเงินช่วยเหลือครึ่งหนึ่งของต้นเงินกู้คงเหลือ หากเป็นเกษตรกรลูกค้ารายคนสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท วิสาหกิจชุมชนสูงสุดไม่เกิน 1.5 ล้านบาท กลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท