นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) กล่าวว่า นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวม มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อมูลประเทศที่มีระดับการพัฒนาเดียวกันกับไทย เช่น มาเลเซีย ทั้งมาตรการภาษีและมาตรการอื่นที่เกี่ยวกับการสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้าไปลงทุน รวมทั้งปัญหาการปฏิบัติในการเปิดโฮลดิ้ง คัมปะนี หรือบริษัทไทยในต่างประเทศ
"ปัจจุบันไทยมีมาตรการของกระทรวงการคลังส่งเสริมให้เอกชนไปลงทุนต่างประเทศโดยการยกเว้นภาษีกำไรให้ 10 ปี ซึ่งที่ประชุมต้องการให้ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่กว้างขวางเพราะยังมีนักลงทุนหลายรายไม่รู้ ประกอบกับให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษามาตรการอื่นในการนำมาประยุกต์ให้เกิดผลดีที่สุดต่อประเทศไทย"นายอาคม กล่าว
ส่วนมาตรการให้สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีจำนวน 5,000 ล้านบาทได้รับรายงานความคืบหน้า ณ วันที่ 4 ต.ค. 50 ว่ามีการยื่นขอแล้ว 217 ราย วงเงิน 968 ล้านบาท และผ่านการอนุมัติเกณฑ์ให้สินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จำนวน 831 ล้านบาท และคาดว่าระบบการปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารพาณิชย์จะสามารถปรับตัวได้ในปลายเดือน ต.ค.นี้ ขณะที่การให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการรายใหญ่วงเงิน 4,500 ล้านบาทยังไม่มีผู้เข้ามายื่นขอสินเชื่อ
"ที่ประชุมเชื่อว่าเศรษฐกิจในปี 51 จะเดินหน้าหลังจากโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการโลจิสติกส์ รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าสีแดง สายสีม่วง และสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หรือโครงการทางด้านพลังงาน ที่เป็นโครงการพลังงาน ปิโตรเคมี ประกาศเดินหน้าในเดือนตุลาคมนี้ รวมทั้งการเจรจาระหว่างนักลงทุนกับ BOI เดินหน้า ก็จะยิ่งสร้างความชัดเจนเพิ่มแรงดึงดูดในการลงทุนมากขึ้น" นายอาคม กล่าว
สำหรับภาคการส่งออกของเดือนสิงหาคมนั้นพบว่าไม่มีปัญหา เพราะเอกชนมีการปรับตัวที่ดี แต่ปัญหาจากภายนอกจากสหรัฐฯ ทั้งปัญหาซับไพร์ม ปัญหาค่าใช้จ่ายทางการทหาร ฯลฯ ยังคาดจะเกิดผลกระทบกับทุกประเทศไม่ใช่เฉพาะไทย ขณะที่ค่าเงินบาทยังมีเสถียรภาพเป็นปกติ
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--