นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.44 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยจาก เปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 33.43 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในกรอบแคบตามทิศทางตลาดโลก หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรออก มาดีเกินคาดส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินบาท ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.41 - 33.46 บาท/ดอลลาร์
"วันนี้บาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ระหว่างวันบาทอ่อนค่าไปแตะ 33.46 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดใน รอบ 3 ปี" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 33.40 - 33.50 บาท/ดอลลาร์ โดยคืนนี้ไม่มี ปัจจัยสำคัญจากต่างประเทศ ตลาดยังคงติดตามสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ
- เงินเยนอยู่ที่ 110.13 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 110.27 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1759 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1748 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,540.19 จุด เพิ่มขึ้น 18.47 จุด, +1.21% มูลค่าการซื้อขาย 69,892.57 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 426.45 ล้านบาท(SET+MAI)
- ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน
ก.ค.64 อยู่ที่ระดับ 78.9 ปรับตัวลดลงจากระดับ 80.7 ในเดือน มิ.ย.64 ค่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และต่ำที่สุดใน
รอบ 14 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 โดยมีปัจจัยลบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลายและกระจายวงกว้าง
ไปทั่วประเทศ ส่งผลให้ภาครัฐต้องออกมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ 13 จังหวัด ออกมาตรการห้ามออกนอกเคหะสถานช่วงเวลา 21.00-
04.00 น.ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.- 2 ส.ค.64 การจำกัดการเดินทางภายในประเทศ รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้พนักงานทำ
งานที่บ้าน (Work From Home) มากที่สุด
- คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
และ ส.อ.ท.เตรียมทำหนังสือขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เร่งด่วนเพื่อเสนอแนวทางการ
แก้ไขปัญหาการแพร่รระบาดของไวรัสโควิด-19
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรด (Modern
Trade Sentiment Index : MTSI) ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2564 อยู่ที่ระดับ 45.3 ลดลงจากไตรมาส 1 ปี 2564 ที่ระดับ 46.3
ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบ 3 ที่มีการระบาดเป็นวงกว้างและรวดเร็ว จำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน และผู้
เสียชีวิตที่สูงต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน การทำธุรกิจ และภาวะเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต โดยเฉพาะใน
ภาคการท่องเที่ยว และบริการต่างๆ รวมถึงมาตรการล็อกดาวน์ในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด โดยรัฐบาลปิดสถานประกอบการบาง
ประเภท การขอให้ประชาชนและหน่วยงานภาครัฐ Work From Home ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจประสบปัญหา หรือแรงงานขาดรายได้
- เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ภาวะการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 6 เดือนแรก (ม.
ค.-มิ.ย.) ปี 2564 มีโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 801 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14% มูลค่าเงินลง
ทุน 386,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 158% ซึ่งเป็นผลมาจากโครงการขนาดใหญ่ในกิจการพลังงานไฟฟ้าที่ยื่นขอรับ
การส่งเสริมมากถึง 198 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 120,814 ล้านบาท
- เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ในฐานะโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ภาวะ
เศรษฐกิจการเกษตรในไตรมาส 2 ปี 64 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.2% จากไตรมาส 2 ของปี 63 ที่หดตัวถึง -3.1% เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่
เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 63 และช่วงต้นปี 64 มีปริมาณเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรสามารถทำการเพาะปลูกได้มากขึ้น รวมทั้งสภาพ
อากาศโดยทั่วไปที่เอื้ออำนวย และไม่ประสบปัญหาภัยแล้งที่รุนแรง ทำให้สถานการณ์การผลิตพืชและปศุสัตว์ดีกว่าปีที่ผ่านมา อีกทั้งราคาสินค้า
เกษตรหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้นจูงใจให้เกษตรกรเพิ่มปริมาณการผลิต โดยแนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรปี 64 คงคาดการณ์ตามเดิมว่าจะ
ขยายตัวอยู่ในช่วง 1.7-2.7%
- นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี
2564 ของจีนลงเหลือ 8.3% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 8.6% ทั้งนี้ รายงานคาดการณ์ดังกล่าวอยู่บนสมมติฐานที่ว่า รัฐบาลจีนจะ
สามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ในเวลาราว 1 เดือน
- สำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ณ สิ้นเดือนก.ค.อยู่
ที่ระดับ 3.2359 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.68% หรือ 2.19 หมื่นล้านดอลลาร์จากเดือนมิ.ย.
- บริษัทจังเกิล เวนเจอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนอิสระ เปิดเผยว่า บรรดาบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีในภูมิภาคอา
เซียนมีมูลค่ารวมกัน 3.4 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2563 และคาดว่ามีแนวโน้มที่จะเติบโตจนมีมูลค่ารวมเพิ่มขึ้น 3 เท่า จนแตะระดับ 1 ล้าน
ล้านดอลลาร์ได้ภายในปี 2568
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--