นายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติด้านการตลาด เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติให้กำหนดเป้าหมายการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลผลิต 50/51 จำนวน 8 ล้านตัน ช่วงเวลาโครงการตั้งแต่ 1 พ.ย.50-29 ก.พ.51 มีระยะเวลาไถ่ถอน 3 เดือน โดยคณะอนุกรรมการฯ จะเสนอมติดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) ที่มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 9 ต.ค.นี้
ส่วนการกำหนดราคารับจำนำข้าวยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ จึงมอบหมายให้กรมการค้าภายในซึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการไปพิจารณาระดับราคาที่เหมาะสม ใกล้เคียงกับราคาตลาด และไม่ต่ำกว่าราคารับจำนำปีก่อน โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของเกษตรที่จะมีกำไรพอสมควร
"ขณะนี้ความต้องการจากต่างประเทศยังมีสูง และแนวโน้มราคาในอนาคตจะสูงขึ้น กระทรวงจะเสนอให้กำหนดราคารับจำนำสูงกว่าราคารับจำนำปีก่อน และสอดคล้องกับราคาในอนาคต เพื่อให้เกษตรกรมีกำไรพอสมควร ราคารับจำนำปีนี้ จะไม่ทำให้ผู้ส่งออกขายต่างประเทศยาก แม้ค่าเงินบาทจะแข็งค่า" รมว.พาณิชย์ กล่าว
สำหรับราคารับจำนำปีก่อน ข้าวเปลือกหอมมะลิ 8,900-9,000 บาท/ตัน ข้าวเปลือกเจ้า 6,400 บาท/ตัน ข้าวเปลือกหอมจังหวัด 7,200-7,500 บาท/ตัน ส่วนราคาตลาดหอมมะลิ 9,000-9,200 บาท/ตัน ข้าวขาว 5% 6,000-6,500 บาท/ตัน และข้าวหอมจังหวัด8,000-8,200 บาท/ตัน
รมว.พาณิชย์ ยืนยันว่า ในระหว่างที่เปิดโครงการรับจำนำ รัฐบาลจะไม่เปิดประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาลแน่นอน หากราคาตลาดไม่ผันผวน เพราะไม่อยากขายแข่งกับเกษตรกร สำหรับสต๊อกรัฐบาลขณะนี้เหลือประมาณ 3.6 ล้านตันข้าวสาร จากสต๊อกทั้งหมด 5.9 ล้านตันข้าวสาร
โดยในช่วง 5 ปีนับจากนี้ รัฐบาลยังจำเป็นต้องแทรกแซงข้าวในรูปของการรับจำนำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป แต่จะรับจำนำเท่าที่จำเป็นในราคาใกล้เคียงตลาด ซึ่งในท้ายปีที่ 5 หากระบบการผลิตและระบบตลาดโดยรวมมีประสิทธิภาพมากพอก็ไม่จำเป็นต้องแทรกแซงอีกต่อไป
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--