นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ กำลังดำเนินการตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้เร่งสร้างโอกาสในการส่งออกสำหรับ SMEs ให้มากที่สุด โดยกรมฯ ได้ปรับแนวทางจัดกิจกรรมให้เป็นแบบไฮบริด (Online plus On-Ground) และมุ่งแสวงหาโอกาสในเมืองรองที่กำลังเติบโต โดยล่าสุดทูตพาณิชย์เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ได้นำทีมงานออกไปจัดงาน Thailand Week Online ที่เมืองปูเน่ รัฐมหาราชฏระ ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมและการศึกษาของอินเดียตะวันตก โดยเป็นกิจกรรมในรูปแบบไฮบริด ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ใหม่ในการส่งเสริมการค้าในช่วงโควิดที่คู่ค้าไม่สามารถเดินทางไปหากันได้
น.ส.สุพัตรา แสวงศรี ทูตพาณิชย์ ณ เมืองมุมไบ กล่าวว่า ตลาดสินค้าอาหารและของใช้ต่าง ๆ ยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในอินเดีย และในสถานการณ์โควิด เป็นช่วงเวลาที่ดีที่ผู้ส่งออกจะสามารถพบปะและนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ให้กับผู้นำเข้าได้นำไปเติมเต็มความต้องการในตลาด ซึ่งผลการจัดงานปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อเป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถทดลองชิมและใช้สินค้าล่วงหน้าได้ก่อนการเจรจาธุรกิจ ทำให้มีเวลาในการพิจารณาโอกาสของสินค้าก่อนการนัดเจรจากันในรายละเอียด ทั้งทางด้านราคา ปริมาณการสั่งซื้อ และกิจกรรมส่งเสริมการขายที่จะทำร่วมกับผู้ส่งออกไทย
"ผู้นำเข้าเห็นว่าสินค้าไทยเป็นที่สนใจของลูกค้าอินเดียอยู่แล้ว เพราะคุณภาพดี ออกแบบสวย แต่ราคายังค่อนข้างสูง หากสามารถปรับลดราคาลงได้ ก็จะเป็นการเพิ่มแรงจูงใจในการนำเข้ามากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทอาหารมังสวิรัติ ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มจากผลไม้ ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก สบู่และครีมบำรุงผิว ชุดชั้นใน และ รองเท้าแตะ เป็นต้น" น.ส.สุพัตรากล่าว
นอกจากกิจกรรมสำหรับ SMEs ข้างต้นแล้ว สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองมุมไบ ได้จัดกิจกรรมสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยและกิจการชุมชน เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดอินเดียในอนาคตด้วย โดยอาศัยความร่วมมือภายใต้ MoU กับหน่วยงานพันธมิตรในอินเดียที่ได้มีการลงนามกันไว้ระหว่างการเยือนของผู้บริหารระดับรัฐมนตรี อาทิ การจัดแสดงสินค้าออนไลน์ (Virtual Expo / Showcase) โดยนำสินค้าจากวิสาหกิจชุมชนและสินค้า OTOP ในจังหวัดต่างๆ มาจัดแสดง การสร้างเครือข่ายออนไลน์ระหว่างแหล่งผลิตสินค้าที่เกื้อกูลกันระหว่างไทยและอินเดีย (อัญมณีและเครื่องประดับจากจังหวัดจันทบุรี และเมืองสุรัตของอินเดีย) รวมถึงการประสานงานกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพื่อคัดสรรกิจการชุมชนเข้ามาร่วมกิจกรรมพัฒนาตลาดกับหอการค้าและอุตสาหกรรมในอินเดีย (Bombay Chamber of Commerce and Industry)
น.ส.สุพัตรา กล่าวด้วยว่า เพื่อสร้างโอกาสและหารายได้ให้กับ SMEs รองรับวิกฤติในห้วงเวลาการระบาดของโควิด-19 สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองมุมไบ จะเร่งผลักดันการค้ากับอินเดียอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนสิงหาคมนี้ จะร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ในกรุงนิวเดลี และเมืองเชนไน ดำเนินโครงการผลักดันการค้าในตลาดเอเชียใต้ด้วย
ทั้งนี้ การค้าในภาพรวมของไทยและอินเดียยังมีโอกาสเติบโตได้ท่ามกลางภาวะโรคระบาด โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 การค้ามีมูลค่ารวม 7,064 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 61.15% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 4,383 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นการส่งออก 3,831 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 54.75% และนำเข้า 3,233 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 69.45%
สำหรับสินค้า 10 รายการแรกที่ไทยส่งออกไปยังอินเดียในช่วงระยะเวลาดังกล่าว เรียงตามลำดับจากมูลค่าสูงสุด ประกอบด้วย 1. เม็ดพลาสติก 2. เคมีภัณฑ์ 3. อัญมณีและเครื่องประดับ 4.เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 5. รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 6. ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ 7. เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล 8.เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ 9.ทองแดงและของทำด้วยทองแดง 10.เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ