นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน หรือ SEOM ครั้งที่ 3/52 ผ่านระบบการประชุมทางไกล ได้มีการติดตามการดำเนินงานสำคัญของอาเซียน โดยเฉพาะการเร่งฟื้นเศรษฐกิจภูมิภาคจากการระบาดของโควิด-19 และเตรียมการสำหรับประชุมร่วมกับประเทศนอกภูมิภาค ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา แคนาดา อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อเตรียมเสนอผลการทำงานในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ในเดือนก.ย.นี้
โดยที่ประชุม SEOM ครั้งนี้ ได้ข้อสรุปที่สำคัญหลายเรื่อง โดยเฉพาะการดำเนินงานตามแผนงานด้านเศรษฐกิจสำคัญประจำปี 2564 (Priority Economic Deliverables) 13 ประเด็น ซึ่งบรูไนฯ ในฐานะประธานอาเซียน ผลักดันภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการฟื้นฟู ด้านการเป็นดิจิทัล และด้านความยั่งยืน มีความคืบหน้าอย่างมาก เช่น การจัดทำเครื่องมือประเมินประสิทธิภาพของมาตรการที่มิใช่ภาษีของประเทศสมาชิก (NTM Toolkit) การจัดทำร่างกรอบการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนของอาเซียน (ASEAN Investment Facilitation Framework) และการจัดทำแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวอาเซียนหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เป็นต้น รวมทั้งประเด็นที่นอกเหนือจากด้านเศรษฐกิจ ซึ่งใกล้ดำเนินการแล้วเสร็จเช่นกัน โดยเฉพาะการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ของอาเซียนเพื่อรับมือการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 (4IR)
นอกจากนี้ ประเทศสมาชิกได้เร่งรัดให้ทุกประเทศ เร่งดำเนินการให้ความตกลงที่ลงนามไปแล้วมีผลบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกันให้มากขึ้น และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาคหลังจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 อาทิ ความตกลงว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP
นายดวงอาทิตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาเซียนได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างเศรษฐกิจของภูมิภาคให้ฟื้นจากผลกระทบของโควิด-19 การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและสอดรับกับกระแสโลก ที่ประชุมฯ จึงมีการหารือ 1) กำหนดแนวทางส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในอนาคต 2) การผลักดันแผนงานระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคให้มีความแข็งแกร่ง และ 3) การฟื้นฟูภูมิภาคจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งการเร่งรัดการดำเนินการตามแผนงานของกรอบการฟื้นฟูของอาเซียน และการเร่งหาข้อสรุปในการพิจารณาขยายบัญชีรายการสินค้าจำเป็น (essential goods) ที่ไม่ใช้ข้อจำกัดการส่งออกระหว่างกัน ให้เสร็จก่อนการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ในเดือนก.ย.นี้ เพื่อมุ่งรักษาความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างกันให้เข้มแข็งช่วงการระบาดของโควิด-19
สำหรับการค้าระหว่างไทยกับอาเซียน ในช่วงเดือน ม.ค.-มิ.ย. 2564 มีมูลค่า 54,765 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 15.26% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยไทยส่งออกไปอาเซียน มูลค่า 31,652 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียน มูลค่า 23,113 ล้านเหรียญสหรัฐ คู่ค้าสำคัญของไทยในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์