ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบยูโร,เยน ก่อนสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงาน

ข่าวต่างประเทศ Friday October 5, 2007 07:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 ต.ค.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากนักลงทุนลังเลที่จะเข้าซื้อดอลลาร์ก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันศุกร์ นอกจากนี้ ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อของโรงงานในสหรัฐที่ปรับตัวลดลง และจำนวนชาวสหรัฐที่ขอเข้ารับสวัสดิการในระหว่างว่างงาน ปรับตัวสูงขึ้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.4117 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันพุธที่ 1.4108 ดอลลาร์ต่อยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 2.0375 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 2.0321 ดอลลาร์ต่อปอนด์
ดอลลาร์อ่อนตัวลงแตะระดับ 116.51 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 116.70 เยนต่อดอลลาร์ และอ่อนตัวลงแตะระดับ 1.1759 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.1793 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.0029 ดอลลาร์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0026 ดอลลาร์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ
ธนาคารกลางอังกฤษประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ 5.75% แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ เนื่องจากภาวะสินเชื่อหดตัวในตลาดโลกเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจโดยรวม
ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมที่ 4.00% ซึ่งเป็นการตรึงดอกเบี้ยติดต่อกัน 4 เดือน โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดว่าอีซีบีจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม เพราะเชื่อว่าความผันผวนในตลาดเงินและเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นจะกดดันให้ธนาคารกลางยุโรปชะลอการใช้มาตรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สหรัฐจะมีตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ปรับตัวลดลง 4,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมากระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานใหม่นอกภาคการเกษตรประจำเดือนส.ค.ลดลง 4,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2546 ขณะที่ อัตราการว่างงานยังอยู่ที่ระดับ 4.6% เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน
นักวิเคราะห์เชื่อว่าตัวเลขจ้างงานที่ลดลงเกินความคาดหมายในเดือนส.ค.เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลง 0.50% ในการประชุมเมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ