ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ข้อมูลศก.สหรัฐอ่อนแอ ฉุดดอลล์ร่วงเทียบยูโร,เยน

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 ก.ย.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรติดต่อกัน 7 วันทำการ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ขณะที่ดอลลาร์แคนาดาพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 31 ปี 
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ที่ 1.4274 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4160 ดอลลาร์ต่อยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.0454 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 2.0270 ดอลลาร์ต่อปอนด์
          ดอลลาร์ร่วงลงแตะระดับ 114.74 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 115.59 เยนต่ดอลลาร์ และอ่อนตัวลงแตะระดับ 1.1635 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.1724 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์
          ส่วนค่าเงินดอลลาร์แคนาดาทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 31 ปีที่ 1.0091 ดอลลาร์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรํฐ จากระดับ 99.87 เซนต์แคนาดาต่อดอลลาร์สหรัฐ  โดยดอลลาร์แคนาดาได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า เศรษฐกิจแคนาดาขยายตัวในอัตรา 0.2% ในเดือนก.ค. 
          นายไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก กล่าวว่า "ดอลลาร์สหรัฐได้รับผลกระทบจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานที่ไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 1.8 % ในเดือน ส.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่น้อยที่สุดในรอบ 3 ปีครึ่ง" 
          ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันอย่างหนัก นับตั้งแต่กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานใหม่นอกภาคการเกษตรประจำเดือนส.ค.ลดลง 4,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2546 ขณะที่อัตราการว่างงานยังอยู่ที่ระดับ 4.6% เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน 
          อัตราการจ้างงานที่ลดลงในเดือนส.ค. เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดการเงินกำลังเผชิญความผันผวนอย่างหนักจากวิกฤตสินเชื่อที่ขยายตัวเป็นวงกว้าง และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนได้คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 100,000 ตำแหน่ง