นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำธนาคารโลก เปิดเผยว่า ช่วง 5 ปีข้างหน้าเศรษฐกิจโลกยังคงขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะเกิดวิกฤตการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐก็ตาม
ซิเมียน ยานคอฟ แสดงทัศนะว่า ปัจจุบันการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีความสมดุลมากขึ้น โดยทวีปเอเชีย ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกามีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว แตกต่างจากอดีตที่แรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจมาจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรปตะวันตก
เขากล่าวต่อที่ประชุมเฮดจ์ ฟันด์ว่า 7 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกเติบโตรวดเร็วที่สุดกว่าช่วงใดๆในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา โดยธนาคารโลกคาดว่า เศรษฐกิจทั่วโลกจะขยายตัวในอัตรา 3.3% ปีนี้ และ 3.4% ในปี 2551
ภูมิภาคกำลังพัฒนาได้รับการคาดหมายว่าจะเติบโตมากที่สุดในปีนี้ โดยเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะโตถึง 8.7% ละตินอเมริกาและแคริบเบียน 4.8% ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ 4.8% ส่วนประเทศในกลุ่มองค์กรความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ OECD อาจเติบโตที่ระดับ 2.3%
ในความเห็นของยานคอฟ วิกฤตการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐไม่มีแนวโน้มจะฉุดรั้งเศรษฐกิจโลก โดยธนาคารโลกคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะโต 1.9% ในปี 2550 ลดลงจาก 3.3% ในปีก่อน แต่จะฟื้นตัวขึ้นถึง 3% ในปี 2551
สำหรับเรื่องที่นักลงทุนกังวลว่า จีน ซึ่งธนาคารของรัฐมีหนี้เน่าหลายพันล้านดอลลาร์ อาจส่งผลกระทบให้เกิดวิกฤตการณ์ทั่วโลกก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา เนื่องจากรัฐบาลจีนมีแหล่งทุนเพียงพอที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ปล่อยกู้หากมีความจำเป็น
ทั้งนี้ เขาแนะนำว่า นักลงทุนควรคาดการณ์ว่า จะมีการโยกย้ายกระแสการลงทุนครั้งใหญ่ช่วง 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากชาติกำลังพัฒนาที่ได้รับประโยชน์จากสินค้าโภคภัณฑ์และการส่งออกรุ่งโรจน์ในช่วงหลายปีมานี้ กำลังมองหาการลงทุนในต่างประเทศ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ฤดี ภวสิริพร/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--