นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุและอุบัติภัยจากการประกอบกิจการภายในนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรืออุตสาหกรรม ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบ 64 (ต.ค.63-มิ.ย.64) มีจำนวน 19 ครั้ง เพิ่มขึ้น 18.75% จากช่วงเดียวกันของปีงบ 63 ที่มีจำนวน 16 ครั้ง โดยเกิดขึ้นทั้งในนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินงานเองจำนวน 9 ครั้ง และนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน จำนวน 10 ครั้ง
สาเหตุส่วนใหญ่ เกิดจากพนักงานในโรงงานไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการปฏิบัติงาน รองลงมา เกิดจากอุปกรณ์ชำรุด/เครื่องจักรชำรุด โดยประเภทของอุบัติเหตุ/อุบัติภัย ที่พบว่าเกิดขึ้นสูงสุด คือ เหตุเพลิงไหม้ และโรงงานที่เกิดเหตุสูงสุด คือโรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์สารเคมี หรือวัสดุเคมี ซึ่งมิใช่ปุ๋ยอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง อาทิ การทำเคมีภัณฑ์สารเคมี หรือวัสดุเคมี (โรงงานประเภทที่ 42(1)) ขณะเดียวกันพบว่าอุบัติเหตุที่มีลักษณะการเกิดเหตุแตกต่างจากประเภทอื่น ๆ และเกิดขึ้นบ่อยครั้ง คือ กรณีระบบไฟฟ้าขัดข้อง ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการผลิตของโรงงานด้วย
ทั้งนี้ ได้สั่งการไปยังทุกนิคมอุตสาหกรรมให้เพิ่มมาตรการกำกับดูแลโรงงานให้ดำเนินการจัดทำขั้นตอนการปฏิบัติงาน การบำรุงรักษาอุปกรณ์ ตรวจสอบอุปกรณ์ พร้อมปรับปรุงและทบทวนให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริงเป็นระยะ ขณะเดียวกันให้มีการจัดอบรมและฝึกปฏิบัติแก่ลูกจ้าง รวมถึงตรวจสอบความเสี่ยงใหม่ที่อาจเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ส่วนกรณีระบบไฟฟ้าขัดข้อง ได้ให้โรงงานจัดทำระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองสำหรับกรณีฉุกเฉินแยกเป็นอิสระจากระบบอื่น และสามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติเมื่อระบบจ่ายไฟฟ้าปกติหยุดทำงาน ในโรงงานที่มีกระบวนการผลิตที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือสุขภาพอนามัย เมื่อเกิดกระแสไฟฟ้าขัดข้อง
ผู้ว่าการ กนอ.กล่าวว่า มาตรการดังกล่าว กนอ.ได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2549 และฉบับที่ 2 พ.ศ.2553 และกฎกระทรวงฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535) ออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522
"ได้กำชับไปยังทุกนิคมอุตสาหกรรม ในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน อุบัติเหตุ อุบัติภัย จากการประกอบกิจการภายในนิคมอุตสาหกรรม และท่าเรืออุตสาหกรรม รวมทั้งเตรียมความพร้อมรับมือแก้ไขปัญหา และศึกษาข้อมูลสถิติการเกิดเหตุ เพื่อป้องกันภัยที่อาจเกิดในอนาคต โดยให้มีการรายงานผลการแก้ไข และการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการเกิดซ้ำ ภายหลังเกิดอุบัติเหตุโดยเร่งด่วน" นายวีริศ กล่าว