มอร์แกน สแตนลีย์ ระบุว่า ทวีปเอเชียยังไม่มีภูมิคุ้มกันภาวะตื่นตระหนกจากปัจจัยภายนอก เนื่องจากเศรษฐกิจในภูมิภาคยังต้องพึ่งพาภาคธุรกิจส่งออก ซึ่งส่งผลให้ต้องเผชิญกับความผันผวนอันเนื่องมาจากปริมาณการบริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวลดลง
สตีเฟ่น โรช ประธานของมอร์แกน สแตนลีย์ เอเชีย กล่าวว่า "นักลงทุนยังไม่คาดคิดถึงภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในเอเชียที่มีผลจากปัญหาของสหรัฐ ซึ่งผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ผิด และพวกเขาจะต้องผิดหวังที่คิดเช่นนั้น"
โรชกล่าวว่า ขณะนี้มีความเป็นไปได้มากกว่า 50% ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงจนเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า เนื่องจากมีแนวโน้มว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงจะส่งผลกระทบต่อภาคการบริโภค ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐ
"ปัญหาดังกล่าวจะเชื่อมโยงถึงกันผ่านกระแสเงินหมุนเวียนทางการค้าที่ขับเคลื่อนโดยผู้บริโภคชาวสหรัฐ" โรชกล่าว
นอกจากนี้ โรชกล่าวแสดงทัศนะเพิ่มเติมว่า ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยอาจฉุดรั้งอัตราการขยายตัวของจีนลงมาอยู่ในระดับ 8-9% จากก่อนหน้านี้ที่คาดการณ์ไว้ที่ 11% แต่เศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจเผชิญปัญหาหนักหน่วงกว่านั้น โดยคาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวอย่างต่ำที่สุดเพียง 2%
"จีนยังมีเกราะป้องกันผลกระทบรุนแรงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ แต่ผมมองว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะชะลอตัวลงมาอยู่ระดับ 0-1% ซึ่งจะสร้างความวิตกกังวลและอาจทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียชะลอตัวลงอีกระลอก" โรชกล่าวทิ้งท้าย สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--