ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยความร่วมมือสร้าง Springboard เพิ่มโอกาสการเข้าสู่ตลาดทุนให้กับ SMEs/ Startups โดยร่วมกันพัฒนา ?EMBRYO Incubation Program? ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ LiVE Incubation Program มุ่งเน้นเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ SMEs/Startups เพิ่มศักยภาพ เพื่อพร้อมสำหรับการเติบโต โดยจะเปิดตัวในวันที่ 25 กันยายน 2564
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า แผนการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์สำหรับ SME หรือ SME Board ที่จะเปิดให้บริการในปลายปี 2564 นี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ที่จะเพิ่มโอกาสให้ SMEs/ Startups เข้าถึงแหล่งทุนผ่านตลาดทุน เพื่อเติบโตเป็นบริษัทขนาดใหญ่และก้าวสู่ตลาด mai และ SET ต่อไปในอนาคต โดยหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญในการระดมทุนผ่าน SME Board นี้ บริษัทจำต้องเตรียมความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน ด้วยเหตุนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จึงได้ร่วมกันพัฒนา "EMBRYO Incubation Program" เพื่อให้ความรู้และเตรียมความพร้อมให้กับ SMEs/ Startup ในการระดมทุนผ่าน SME Board
โดยออกแบบโครงสร้างหลักสูตรให้ครอบคลุมเนื้อหาที่สำคัญ ประกอบด้วย Roadmap to Capital Market เปิดประตูสู่เส้นทางในตลาดทุน (SME Board-> mai-> SET) Readiness Checklist เช็คสถานะความพร้อมของธุรกิจตัวเอง เพื่อสร้างแผนการปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจสู่เป้าหมาย Business Model for Growth พัฒนาโมเดลธุรกิจกับวิทยากรชั้นนำ สู่กลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน Financial & Accounting ปรับระบบหลังบ้านให้พร้อมก่อนระดมทุน และ Win Strategy วางกลยุทธ์ธุรกิจสู่การเติบโต พร้อมไปกับการให้คำปรึกษาแก่ผู้เข้าร่วมอบรมในระหว่างเข้าการอบรมเป็นรายบริษัท
นอกจากนี้ เมื่อสำเร็จการอบรม บริษัทที่เข้าอบรมสามารถยื่นขอทุนสนับสนุนจากทางกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) เพื่อใช้ในการสร้างความพร้อมของบริษัท อาทิ การจัดทำระบบงานที่สำคัญ สูงสุดบริษัทละ 50,000 บาท
นายภากร กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นความสำคัญของผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (SMEs) และวิสาหกิจเริ่มต้น (Startups) และพร้อมสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุน โดยเป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการส่งเสริมการระดมทุนของธุรกิจใหม่ โดยเสริมสร้างองค์ความรู้และความพร้อมให้กับผู้ประกอบการ
สำหรับความร่วมมือกับหอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ภายใต้โครงการ EMBRYO Incubation Program นับเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดทุนให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs / Startups ผ่านเครือข่ายของหอการค้าไทย และเชื่อว่าโครงการดังกล่าว จะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจ และการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าตลาดทุนให้กับผู้ประกอบการ
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การผลักดันผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ที่เปรียบเสมือนฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มีโอกาสในการเข้าถึงตลาดทุน ถือเป็น Springboard ที่จะผลักดันให้บริษัทขนาดเล็กขึ้นสู่ขนาดกลางได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น
ความร่วมมือครั้งนี้กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นความร่วมมือที่จะสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจประเทศ อีกทั้งโครงการ "EMBRYO Incubation Program" ที่ดำเนินการโดย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นโครงการที่จะพัฒนาให้ SMEs/Startups ได้มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจ พร้อมกับการปรับระบบหลังบ้าน หรือระบบภายในของธุรกิจที่ต้องสอดรับกับการเติบโต ซึ่งการที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่ได้เป็นผู้จัดหลักสูตรนี้ และด้วยความเชี่ยวชาญทางธุรกิจ ประกอบกับมีคณาจารย์และเครือข่ายทีมที่ปรึกษาธุรกิจ เชื่อว่า SMEs/Startups จะได้รับแนวทางในการพัฒนาธุรกิจ และเตรียมความพร้อมของตนเองสู่การเข้าระดมทุนในตลาดทุนต่อไป
"ขอเชิญชวน SMEs/Startups เข้าร่วมโครงการนี้ และเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ SMEs/ Startup ไทยจะ Springboard และเติบโตได้อย่างยั่งยืน" นายสนั่นระบุ
ด้านธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ไทย มีสัดส่วนอยู่ที่ 99.5% ของผู้ประกอบการทั้งหมด มีบทบาทต่อการจ้างงานราว 70% และด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและธุรกิจในวันนี้ ผู้ประกอบการ SMEs ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 และประสบกับปัญหาเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ความร่วมมือครั้งนี้ จึงเป็นทางเลือกที่สำคัญที่จะช่วย SMEs ไทย รอดและเติบโต ด้วยการเข้ามาเตรียมความพร้อม และเรียนรู้ถึงโอกาสในการเข้าสู่การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์สำหรับ SME หรือ SME Board
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีความตั้งใจในจัดโครงการ "EMBRYO Incubation Program" โดยได้เตรียมความรู้ เครื่องมือสนับสนุน และผู้เชี่ยวชาญที่จะมาช่วย SMEs/ Startups ในการวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ และการปรับระบบต่างๆให้สอดรับกับกลยุทธ์การเติบโต และพร้อมให้คำปรึกษาทางธุรกิจ โดยโครงการนี้ได้พันธมิตรชั้นนำที่จะมาร่วมกันให้คำปรึกษาแก่ผู้เข้าร่วมอบรม อาทิ PwC Thailand, Baker McKenzie, APM Asset Pro Management