ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดให้วันที่ 12 ก.พ.2551 เป็นวันทำการสุดท้ายของตลาดซื้อคืนธปท. ซึ่งการปิดตลาดซื้อคืนฯ เป็นขั้นตอนหนึ่งที่ช่วยให้ตลาดเงินของไทยพัฒนามากขึ้น โดยจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้สถาบันการเงินหันมากู้ยืมกันเองแทน เช่น การทำธุรกรรมตลาดซื้อคืนภาคเอกชน(Private Repo) หรือการกู้ยืมระหว่างธนาคาร (Interbank)
ขณะนี้ มีสถาบันการเงินที่พร้อมทำธุรกรรมแล้ว 31 ราย เหลืออีก 3 รายยังไม่พร้อม แต่คาดว่าจะพร้อมในต้นปีหน้า
ส่วนอีก 7 รายที่เป็นสมาชิกไม่สนใจจะทำในตลาดใหม่ แต่จะไปทำใน Interbank เนื่องจากเป็นธนาคารขนาดเล็ก ซึ่งธปท.คาดว่าจะมีกาปรรับสภาพคล่อระหว่างกันเองมากขึ้นในอนาคต
ที่ผ่านมา ธปท.ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลสภาพคล่องเพื่อรองรับการปิดตลาดซื้อคืนฯ โดยเพิ่มจำนวนคู่ค้าสำหรับทำธุรกรรมซื้อคืนกับ ธปท.(Bilateral Repo) เป็น 14 ราย จาก 9 ราย ตั้งแต่เดือนต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนที่ ธปท.ดำเนินนโยบายการเงินผ่านช่องทางดังกล่าวเกือบทดแทนตลาดซื้อคืนฯได้หมด
"สำหรับความยืดหยุ่นยังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่ต้องทำผ่านแบงก์ชาติ แต่ไปทำกันเอง" นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท. กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้ประสานงานกับกรมสรรพากรในการปรับลดภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3% เหลือ 0.01% เพื่อเพิ่มธุรกรรมในตลาด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--