นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ในเดือน ส.ค.64 ภายใต้หัวข้อ "Lockdown อย่างไร เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และสาธารณสุข" พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ 78.1% มองว่า มาตรการล็อกดาวน์ที่ภาครัฐดำเนินการอยู่ในปัจจุบันนั้น สามารถควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ในขอบเขตที่จำกัด มีเพียง 6.5% ที่มองว่า ควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อถามถึงสาเหตุที่ส่งผลทำให้มาตรการ Lockdown ไม่สามารถควบคุมอัตราการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ส่วนใหญ่ 72.6% ตอบว่า เป็นเพราะขาดความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย เช่น กรณีการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย รองลงมา ตอบว่า ความไม่ชัดเจนในแนวปฏิบัติที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่, ขาดการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน และขาดมาตรการสนับสนุนสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนอยู่กับบ้าน
สำหรับแนวทางที่จะช่วยทำให้การ Lockdown เกิดความสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และสาธารณสุขนั้น ผู้บริหาร ส.อ.ท.ส่วนใหญ่ 73.6% เห็นว่าควรมีการผ่อนปรนให้ผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม สามารถเข้าใช้บริการร้านอาหารและกิจการบางประเภทได้ ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการติดตามประวัติการเดินทาง ควบคุมผู้มีความเสี่ยง และระบบรับรองผู้ได้รับวัคซีน 2 เข็ม (Certificate of Entry) รวมทั้งมีการตรวจและติดตามเชิงรุกเพื่อคัดแยกตัวผู้ป่วย
สำหรับธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ Lockdown ควรได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร ส่วนใหญ่ตอบว่า ต้องการพักชำระหนี้และหยุดคิดดอกเบี้ย สำหรับกิจการที่ถูกสั่งปิดฯ เป็นระยะเวลา 6 เดือน รองลงมา คือ การชดเชยค่าจ้างขั้นต่ำตามจำนวนแรงงานให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อรักษาการจ้างงาน
ส่วนการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ควรเริ่มดำเนินการเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดอยู่ในระดับใดนั้น ส่วนใหญ่ตอบว่า ยอดผู้ติดเชื้อควรจะต่ำกว่า 10,000 คนต่อวัน รองลงมา คือ ยอดผู้ติดเชื้อ ต่ำกว่า 20,000 คนต่อวัน
ทั้งนี้ เห็นว่ากลุ่มธุรกิจที่รัฐ ควรผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ อันดับแรก คือ ร้านอาหาร รองลงมา คือ ห้างสรรพสินค้า, ร้านค้า, การท่องเที่ยวภายในจังหวัด, การก่อสร้าง, ธุรกิจการบิน, การกีฬา และสันทนาการบางประเภท
สำหรับการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในภาคอุตสาหกรรม รัฐบาลควรสนับสนุนงบประมาณในเรื่องใดบ้างนั้น อันดับแรก ต้องการให้รัฐเร่งใช้งบประมาณในการจัดหาและสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อชุดตรวจโควิด-19 Antigen test kit ให้แก่โรงงาน เพื่อสุ่มตรวจหาผู้ติดเชื้อตามมาตรการ Bubble and Seal ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในภาคอุตสาหกรรม รองลงมา คือ การจัดให้มี Mobile Units ฉีดวัคซีนให้แก่แรงงาน ณ สถานประกอบการ
อนึ่ง ผลการสำรวจดังกล่าว มาจากความคิดเห็นของผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 201 คน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 75 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด