สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของเอเชียแปซิฟิคในปี 2551 มีแนวโน้มที่จะสดใส แต่ตลาดหุ้นและตลาดเงินในภูมิภาคอาจจะพบกับแรงกดดันมากขึ้น แม้ว่าตลาดเหล่านี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะผันผวนในตลาดทั่วโลกมากนักก็ตาม
สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า รายงานยังระบุว่า 80% ของบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับในภูมิภาคนั้น ได้รับการจัดอันดับการลงทุนให้มีแนวโน้มเสถียรภาพในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตในปีหน้าอาจจะได้รับผลกระทบจากแรงกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้น รวมทั้งการเข้าถึงแหล่งทุนที่ยากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทซึ่งมีผลงานที่จัดว่าอยู่ในขั้นเสี่ยง อันเนื่องมาจากการซื้อกิจการและการขยายกิจการ
S&P คาดว่าบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับและผิดนัดชำระหนี้จะมีจำนวนมากขึ้นในปีหน้า จากเดิมที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่สัดส่วนบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับให้มีการลงทุนต่ำจะมีจำนวนมากขึ้น
เอียน ทอมป์สัน ซีซีโอของ S&P ประจำเอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า ภาพรวมด้านการจัดอันดับของเราที่มีต่อภาคบริษัทเอกชนชี้ว่า อาจจะมีบริษัทในเอเชียแปซิฟิคที่ถูกลดอันดับมากขึ้นในปีหน้า สวนทางการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือที่เกิดขึ้นในปีนี้
สำหรับตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิคปีหน้านั้น ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ของ S&P คาดการณ์ว่า มูลค่าหุ้นคงจะปรับตัวสูงขึ้นไม่มากนัก อันเนื่องจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปีนี้ อีกทั้งปัจจัยหนุนจากความต้องการในจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่คาดว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคนั้นมีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น
ลอแรน แทน หัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์เอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า ตลาดคงจะกังวลเกี่ยวกับข่าวลบต่างๆ อาทิ เงินเฟ้อและภาวะอ่อนตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป ปีหน้าจะเป็นปีที่ยากลำบากอีกปีหนึ่งสำหรับการเงินในตลาดหุ้น และเราก็ไม่ปฏิเสธเรื่องความเสี่ยงในการปรับฐานอย่างรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น
ตลาดส่วนใหญ่ที่คาดว่าจะคึกคักในปีหน้า ได้แก่ ตลาดหุ้นไทย จีน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ส่วนตลาดหุ้นโตเกียวนั้นคาดว่าจะไม่สดใสนัก
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--