ผู้ประกอบการน้ำมันพืชร้องพาณิชย์ขอปรับเพดานราคาขึ้นเร็วกว่ากำหนดเดิม

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 30, 2007 17:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ผู้ประกอบการน้ำมันพืชแจ้งขอเลื่อนกำหนดปรับขึ้นราคาเต็มเพดานขวด(ลิตร)ละ 5.50 บาท เร็วขึ้นจากเดิมที่กำหนดให้ปรับขึ้นวันที่ 1 ม.ค.51 มาเป็นกลางเดือน ธ.ค.นี้ เนื่องจากทนแบกรับภาระต้นทุนไม่ไหว โดยกรมการค้าภายในเตรียมเร่งพิจารณาข้อร้องเรียนหวั่นสินค้าขาดตลาด
"ทั้งน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลืองได้ยื่นอุทธรณ์ขอปรับขึ้นราคาภายในกลางเดือนธันวาคมนี้ เพราะต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นเป็น 100% ซึ่งที่ผ่านมาก็ประสบภาวะการขาดทุนมาหลายเดือนแล้ว ซึ่งกรมฯ ได้รับที่จะพิจารณาให้โดยเร็วที่สุด" นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าว
ก่อนหน้านี้ กรมการค้าภายในได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการน้ำมันพืชปรับขึ้นเพดานราคาได้ขวดละ 5.50 บาท โดยให้ปรับราคาเป็น 2 ช่วง คือ ปรับขึ้นทันทีที่อนุมัติ 3 บาท และส่วนอีก 2.50 บาท ปรับขึ้นหลังวันที่ 1 ม.ค.51 ทำให้ราคาน้ำมันปาล์มปรับเพิ่มขึ้นจากขวดละ 38 บาทเป็น 41 บาท และหลังปีใหม่ปรับเป็นขวดละ 43.50 บาท ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองปรับจากขวดละ 40 บาทเป็น 43 บาท และหลังปีใหม่เพิ่มเป็นขวดละ 45.50 บาท
สำหรับต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำมันพืช พบว่าน้ำมันปาล์มดิบได้ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 49 ที่ราคากิโลกรัมละ 15.77 บาท เพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 30 บาท ส่วนเมล็ดถั่วเหลืองปรับจากราคากิโลกรัมละ 8.26 บาท เพิ่มขึ้นเป็นกิโลกรัม 17 บาท ทั้งนี้เป็นจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำมันพืชถูกนำไปใช้ในการผลิตพลังงานทดแทนมากขึ้น ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น
น.ท.หญิง วรรณพร มาศเกษม นายกสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องขอปรับราคาน้ำมันปาล์มเต็มเพดานเร็วขึ้นเพราะต้นทุนน้ำมันปาล์มดิบมีราคาแพงขึ้นจากการถูกแย่งไปใช้ในการผลิตพลังงานทดแทน โดยที่ผ่านมาผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขาดทุนมาแล้วกว่า 2 เดือน ส่วนเพดานราคาที่ได้รับอนุมัติให้ปรับก็ยังขาดทุนอยู่สูงถึงขวดละ 4 บาท และคาดว่าปีหน้าน้ำมันปาล์มดิบจะยังคงมีราคาแพงขึ้นจากการที่รัฐบาลส่งเสริมให้มีการผลิตไบโอดีเซลที่จะมีการนำน้ำมันปาล์มดิบไปใช้ถึงเดือนละ 3 หมื่นตัน
ด้าน นายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ นายกสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลือง กล่าวว่า ขณะนี้ต้นทุนการผลิตอยู่ที่ขวดละ 38 บาท ยังไม่รวมต้นทุนอื่นๆ โดยราคาที่ได้รับอนุมัติให้ปรับขึ้นแล้วยังทำให้ผู้ประกอบการขาดทุนแย่ และไม่สามารถยืนยันได้ว่าราคาที่ได้รับอนุมัติให้ปรับไปแล้วนี้จะคงราคาเดิมได้อีกนานแค่ไหน เพราะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบว่าราคาจะคงที่หรือเพิ่มขึ้น แต่แนวโน้มราคาวัตถุดิบมีแต่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ นางวัชรี วิมุกตายน รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังการหารือกับผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายสินค้าแบตเตอรี่รถยนต์ ว่า กรมฯ จะจับตาสถานการณ์ราคาตะกั่ว ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของแบตเตอรี่อีก 2 เดือนจากนี้ เพราะราคาตะกั่วตลาดโลกปัจจุบันเริ่มทรงตัวและอาจมีแนวโน้มลดลง ก่อนตัดสินใจอีกครั้งว่าจะให้ปรับราคาหรือไม่ โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ของปรับราคาเพิ่มขึ้น 15-30% จากราคาเดิม
ทั้งนี้ สถานการณ์ราคาตะกั่วได้ปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งอยู่ที่กิโลกรัม 45 บาท มาอยู่ที่กิโลกรัม 120 บาทในปีนี้ ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ แต่หลายรายได้ใช้วิธีการปรับลดส่วนลดที่ให้กับผู้ขายลง ทำให้สามารถประกอบธุรกิจอยู่ได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้บริโภค กรมฯ อยากจะแนะนำว่าในภาวะที่ตะกั่วมีราคาสูงขึ้น ทำให้แบตเตอรี่เก่ามีราคาเพิ่มขึ้น จากเดิมลูกละ 50 บาทเพิ่มเป็น 200 บาท ผู้บริโภคควรใช้ราคาแบตเตอรี่เก่า เป็นส่วนลดเพื่อซื้อลูกใหม่เพื่อลดภาระการใช้จ่าย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ