ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ข้อมูลศก.สหรัฐอ่อนแอ ฉุดดอลล์อ่อนเทียบยูโร,ปอนด์

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 พ.ย.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากการแสดงความคิดเห็นของรองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทำให้นักลงทุนเชื่อว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก นอกจากนี้ การที่สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ร่วงลงติดต่อกัน 3 เดือน ยอดขายบ้านมือสองที่ร่วงลงอย่างหนัก และรายงาน Beige Book ของเฟด ยิ่งทำให้กระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย มีน้ำหนักมากขึ้น
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.4857 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.4841 ดอลลาร์ต่อยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 2.0812 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 2.0687 ดอลลาร์ต่อปอนด์
          อย่าไงรก็ตาม ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นแตะระดับ 109.97 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 108.59 เยนต่อดอลลาร์ และแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.1097 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.1043 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์
          นายโดนัลด์ คอห์น รองประธานเฟดกล่าวในที่ประชุมสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่า "ภาวะผันผวนครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินเมื่อไม่นานมานี้อาจทำให้เศษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงมากกว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้น อีกทั้งจะส่งผลให้เกิดภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อและภาคธุรกิจ"
          รายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด ระบุว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอลงในเดือนต.ค.และในช่วงครึ่งแรกของเดือนพ.ย. เพราะได้รับผลกระทบจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลง
          นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค.ร่วงลง 0.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 3 เดือน และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนต.ค.ลดลง 1.2% สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.97 ล้านยูนิต ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐกำลังชะลอตัวลงอย่างรุนแรง
          นายไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก กล่าวว่า "การแสดงความคิดเห็นของประธานเฟด รายงาน Beige Book ของเฟด ประกอบกับข้อมูลยอดขายบ้านมือสองและยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลที่สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคชะลอตัวลงและทำให้กระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยอีกนั้น มีน้ำหนักมากขึ้นด้วย"
          ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยแม้เป็นยุทธวิธีที่เฟดใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่จะส่งผลกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ เพราะจะทำให้สินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีมูลค่าน้อยลงและไม่น่าดึงดูดใจ