นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานจะปรับลดการจัดเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำมันเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำมันดีเซลและไบโอดีเซล(บี 5) ลิตรละ 20 สตางค์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.นี้ เพื่อชะลอการปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ หรือหากมีการปรับก็เป็นไปในระดับที่ต่ำ หลังสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังทรงตัวในระดับสูงจนส่งผลให้ค่าการตลาดอยู่ในระดับต่ำ
ขณะนี้สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเพราะไม่มีปัจจัยข่าวลบเข้ามา ขณะเดียวกันตลาดน้ำมันก็รอดูทีท่าของกลุ่มประเทศโอเปคว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันหรือไม่ ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วค่าการตลาดของบริษัทผู้ค้าน้ำมันสำหรับน้ำมันดีเซลยังติดลบ ซึ่งเป็นผลของราคาในตลาดโลกที่สูงขึ้นก่อนหน้านี้
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า การปรับลดอัตราการจัดเก็บเงินนำเข้ากองทุนน้ำมันในครั้งนี้ ทำให้กองทุนฯ มีรายได้สุทธิลดลง 312 ล้านบาทต่อเดือน เหลือระดับ 2,570 ล้านบาทต่อเดือน โดยสถานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา มีฐานะกองทุนสุทธิติดลบอยู่ประมาณ 3,697 ล้านบาท ดังนั้นจะจ่ายชำระหนี้หมดภายในเดือน ธ.ค.50
ด้าน นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) กล่าวว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 87.10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และเมื่อวานนี้ราคาน้ำมันเบนซินในตลาดโลกได้ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 100.15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลงจากเมื่อวันก่อน 0.30 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ระดับราคา 106.82 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ หลังจากปรับลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าวแล้ว ผู้ค้าน้ำมันจะมีค่าการตลาดเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 40 สตางค์ต่อลิตร โดยเบนซิน 95 มีค่าการตลาดติดลบอยู่ที่ 20 สตางค์ต่อลิตร ดีเซลหมุนเร็วมีค่าการตลาดติดลบอยู่ที่ 30 สตางค์ต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดอยู่ที่ 1.10 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ 91 มีค่าการตลาดอยู่ที่ 1.05 บาทต่อลิตร
เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานเคยลดการเรียกเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำมันเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลิตรละ 40 สตางค์ ยกเว้นน้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 เพื่อเป็นการชะลอการปรับขึ้นราคาขายปลีกภายในประเทศ
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--