นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิพล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) ในปีหน้าจะได้รับผลกระทบปัจจัยภายในและภายนอกประเทศมากมายหลายเรื่อง ทั้งปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง, ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก, ราคาน้ำมัน, อัตราเงินเฟ้อ, ความผันผวนของค่าเงิน, ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอตัว และการเปิดเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศมากขึ้น
โดยผู้ประกอบการ SMEs ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ กลุ่ม SMEs ที่ผลิตสินค้าเพื่อส่งออก เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม, เครื่องประดับและเฟอร์นิเจอร์ ดังนั้นรัฐบาลใหม่ควรต้องเร่งส่งเสริมธุรกิจ SMEs เพราะถือเป็นภาคธุรกิจที่ทำรายได้คิดเป็น 50% ของ GDP ซึ่งภาครัฐจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ แสวงหาตลาดส่งออกใหม่ ตลอดจนส่งเสริมการปรับปรุงเครื่องจักรให้ทันสมัย
รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ส.อ.ท.ได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน(SMEs Project) โดยใช้งบประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งถือว่าโครงการประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เพราะทำให้ผู้ประกอบการสามารถพึ่งพาตนเองได้
โดยในปี 52 สสว.จะของบจากรัฐบาลจำนวน 3,500 ล้านบาท เพื่อเข้ามาช่วยส่งเสริมธุรกิจ SMEs ทั้งระบบเพิ่มขึ้น
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--