ธนาคารกสิกรไทย มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์ถัดไป (13-17 ก.ย.) ที่ 32.50-33.00 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ กระแสเงินลงทุนต่างชาติ และสถานการณ์โควิดของไทย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคานำเข้า/ส่งออก ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนก.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามดัชนีราคาบ้าน อัตราการว่างงาน ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และตัวเลขการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนส.ค. ของจีน ด้วยเช่นกัน โดยเงินบาทขยับแข็งค่ากลับมาได้เล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากปรับตัวในทิศทางอ่อนค่าในระหว่างสัปดาห์ ตามจังหวะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขยับแข็งค่าขึ้นในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงอ่อนค่าและทยอยปรับตัวแข็งค่ากลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ ตามเงินหยวนและเงินเอเชียอื่นๆ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงกดดันจากการย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และการส่งสัญญาณปรับระดับการซื้อสินทรัพย์ผ่านโครงการซื้อสินทรัพย์ฉุกเฉินของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ในวันศุกร์ (10 ก.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.66 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับ 32.62 บาท/ดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (3 ก.ย.)