นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาดหุ้นในเอเชียจะอ่อนตัวลงอีกในช่วงสัปดาห์หน้า โดยนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ที่มีปัจจัยจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างแรง ซึ่งก่อให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในออสเตรเลียและจีน
ฟรานซิส เจิ้ง นักเศรษฐศาสตร์ประจำ สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ฮ่องกง กล่าวว่า ธนาคารกลางจีนได้ส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก เพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจจีน ซึ่งคาดกันว่า จะมีการปรับเพิ่มอีก 0.27% ก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แตะ 7.29% และภายในสิ้นไตรมาส 2 ปี 2551 ดอกเบี้ยจะแตะ 8.37%
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นยืนอยู่ที่ 6.75% เนื่องจากความกดดันเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
เจิ้ง มองว่า คาดการณ์จีนปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น รวมทั้งความวิตกที่ว่ามูลค่าหุ้นในตลาดจีนและฮ่องกงอยู่ในระดับสูงเกินจริง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้กระตุ้นให้ตลาดน่าจะปรับฐานลงในสัปดาห์หน้า
ขณะที่ จิมมี่ ผาง นักวิเคราะห์จาก อัลไลอันซ์ เบิร์นสไตน์ แสดงทัศนะว่า ราคาหุ้นของบริษัทจีนที่ซื้อขายในตลาดฮ่องกง หรือ เอช-แอร์ ยังคงถูกกว่าในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่
สำหรับตลาดหุ้นโตเกียว บริษัทชั้นนำยังคงจะทยอยประกาศผลประกอบการครึ่งปีสิ้นสุด ณ เดือนกันยายน รวมทั้ง บริษัทโอลิมปัส, นิคค่อน, โตโยต้า มอเตอร์, เจแปน แอร์ไลน์ และคอสโม ออยล์
"เนื่องจากทิศทางการรายงานผลประกอบการน่าจะสดใส ดังนั้น คาดว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะยังคงทรงตัวในสัปดาห์หน้า" ฮิโรอิชิ นิชิ ผู้จัดการกองทุนประจำบล. นิคโก้ คอร์เดียล กล่าว
นอกจากนี้ คาดว่าตลาดหุ้นทุกแห่งในเอเชียจะได้รับปัจจัยส่วนหนึ่งจากรายงานตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่กำหนดจะเปิดเผยในคืนนี้
ทั้งนี้ ในตลาดสิงคโปร์ กลุ่มอุตสาหกรรม SembCorp และธนาคารโอเวอร์ซี-ไชนีส แบงค์กิ้ง คอร์ป เตรียมตัวจะรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 วันอังคาร ส่วนบริษัทสิงคโปร์ เทเลคอมมูนิเคชั่น ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมใหญ่สุดของอาเซียนจะแจงผลประกอบการในวันพุธ สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ฤดี ภวสิริพร/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--