นางมิแรนด้า โกลตอม รองผู้ว่าการอาวุโสของธนาคารกลางอินโดนีเซีย กล่าวว่า วิกฤติซับไพรม์และราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอินโดนีเซียในปี 2551 แม้เศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวตามเป้าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม
นางโกลตอมกล่าวว่า "เราต้องเฝ้าระวังเศรษฐกิจปีหน้าให้ดี" นอกจากนั้นการที่ธนาคารใหญ่หลายแห่งในสหรัฐประสบปัญหาอาจส่งผลต่อสภาพคล่องในตลาดการเงินในประเทศเศรษฐกิจใหม่อย่างอินโดนีเซียได้
เจพี มอร์แกน, แบงค์ ออฟ อเมริกา และ วาโชเวีย ออกมากล่าวเตือนเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า อาจจะมีการประกาศลดมูลค่าสินทรัพย์ลงอีกในไตรมาสปัจจุบัน เนื่องจากวิกฤติซับไพรม์ยังคงส่งผลกระทบต่อบริษัทใหญ่หลายแห่งในอุตสาหกรรมการเงิน
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจอินโดนีเซียในปีนี้น่าจะขยายตัวได้ตามเป้าที่ธนาคารกลางคาดการณ์ไว้ โดยสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) คาดการณ์ไว้ที่ 6.2% และอัตราเงินเฟ้อที่ 5-7%
โดยเศรษฐกิจอินโดนีเซียขยายตัว 6.1% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ และมีอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 5.24% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี
ในแถลงการณ์ซึ่งยื่นต่อรัฐสภา ธนาคารกลางอินโดนีเซียคาดการณ์ว่า จีดีพีจะขยายตัว 6.4% ในไตรมาสสี่ โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภคในประเทศและการส่งออก ส่วนตัวเลขจีดีพีไตรมาสสามจะได้รับการเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ โดยธนาคารกลางคาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ที่ 6.2% สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--