น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนาคต ระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (สหราชอาณาจักร) ซึ่งจะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-สหราชอาณาจักร ครั้งที่ 1 ในวันที่ 15 กันยายนนี้ โดยประเทศบรูไนเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ปฏิญญาร่วมฯ ฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อกำหนดทิศทางการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนร่วมกัน ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นและครอบคลุม สามารถฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน โดยมีสาขาความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 11 ด้าน ได้แก่ 1)การฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 2)การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานอาเซียน-สหราชอาณาจักร และการคงไว้ซึ่งการเปิดตลาด 3)ความเป็นเลิศด้านกฎระเบียบ 4)นวัตกรรมดิจิทัล 5)การให้บริการทางการเงิน 6) การเติบโตอย่างยั่งยืน 7)โครงสร้างพื้นฐาน 8)ทักษะและการศึกษา 9)การพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย 10)การส่งเสริมบทบาททางเศรษฐกิจของสตรี และ 11)การเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐและเอกชน
สำหรับแนวทางการดำเนินงานจะขับเคลื่อนภายใต้โครงการและกิจกรรม ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความสนใจและประโยชน์ร่วมกันของอาเซียนและสหราชอาณาจักร โดยมีโครงการสนับสนุนทางการเงินที่สหราชอาณาจักรได้ผูกพันให้กับอาเซียนแล้วเป็นพื้นฐานในการดำเนินการและต่อยอด และเกื้อหนุนการดำเนินการตามแผนงานต่าง ๆ ของอาเซียน เช่น แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ.2025 (พ.ศ.2568) แผนแม่บทอาเซียนด้านดิจิทัล ค.ศ.2025 (พ.ศ.2568) และแผนปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของอาเซียน ปี ค.ศ.2016-2025 (พ.ศ.2559-2568)
น.ส.รัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดทำปฏิญญาร่วมฯ ครั้งนี้ เป็นการประกาศเจตนารมณ์ทางการเมือง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำมาใช้เป็นกรอบในการพัฒนาความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ทำให้อาเซียนสามารถรับมือกับความท้าทายทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการค้าในด้านต่าง ๆ รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเด็นต่างๆ ที่สหราชอาณาจักรมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้วย