ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้อัดฉีดเม็ดเงินมูลค่า 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบการเงินภายในประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในเม็ดเงินที่มีจำนวนมากที่สุด เพื่อพยุงบริษัทเอกชนให้สามารถฟันฝ่าปัญหาสินเชื่อตึงตัวที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐอย่างรุนแรงตั้งแต่เดือนส.ค.เป็นต้นมา
การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงินของเฟดมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด และคณะกรรมการเฟดเกือบทุกคน มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นอีก 0.25% เพื่อปกป้องเศรษฐกิจจากภาวะถดถอยของตลาดอสังหาริมทรัพย์และปัญหาในตลาดสินเชื่อ
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า "ภาวะผันผวนในตลาดการเงินทำให้ภาวะสมดุลทางเศรษฐกิจลดน้อยลง และจนถึงขณะนี้คณะกรรมการเฟดมองว่าตลาดการเงินยังอยู่ในสถานะที่เปราะบางมาก ซึ่งคาดว่าอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าที่ตลาดสินเชื่อจะฟื้นตัวขึ้นอย่างเต็มที่"
ทั้งนี้ เฟดได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบนับตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อช่วยลดภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ อีกทั้งประกาศลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นและอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานเพื่อกอบกู้สถานการณ์ให้ฟื้นตัวขึ้น สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--