นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.23 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเปิด ตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 33.15 บาท/ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยหลักจากนักลงทุนต่างชาติเทขายพันธบัตรไทยสุทธิประมาณ 12,000 ล้านบาท ขณะ ที่ค่าเงินภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสม
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทของวันจันทร์ไว้ที่ 33.10 - 33.30 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือน ก.ย.ของสหรัฐจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และช่วงนี้ต้อง ติดตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.98 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 109.79 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1779 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1759 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,625.65 จุด ลดลง 6.05 จุด, -0.37% มูลค่าการซื้อขาย 105,671.89 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 945.47 ล้านบาท(SET+MAI)
- ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยถึงกรณีการเปิดพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวในเดือนต.ค.นี้ว่า
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รายงานการหารือร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในโครงการ "กรุงเทพ แซนด์บ็อกซ์" วันที่ 15
ต.ค.นี้ แต่ยังไม่ได้มีการอนุมัติ เพราะการเสนอแผนต้องผ่านการพิจารณาและตรวจสอบจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ก่อน จากนั้นจึง
จะเสนอศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) และเข้าสู่ที่ประชุม ศบค.
ชุดใหญ่ต่อไป
- บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ บสย. ได้เปิดรับคำขอค้ำประกันสินเชื่อกับสถาบัน
การเงินที่เข้าร่วมโครงการค้ำประกันสินเชื่อ ตาม พ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ
โรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 ระยะที่ 2 พ.ศ. 2564 วงเงิน 100,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบธุรกิจ 3 กลุ่ม
ได้แก่ 1. ผู้ประกอบการกลุ่มไมโคร (Micro) 2.ผู้ประกอบการ SMEs 3. กลุ่ม คอร์ปอเรท (Corporate) ซึ่งจุดเด่นของโครงการ
คือ การปรับเกณฑ์การค้ำประกันสินเชื่อให้ดียิ่งขึ้น เพื่อช่วยผู้ประกอบการกลุ่มไมโคร และกลุ่ม SMEs เปราะบางได้ลดภาระต้นทุนค่า
ธรรมเนียม และเพิ่มโอกาสได้วงเงินสินเชื่อเพิ่ม
- รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศมาตรการริเริ่มหลายประการในวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นตลาดหุ้นภายในประเทศให้แข็ง
แกร่งขึ้น ซึ่งมาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงการร่วมลงทุนในกองทุนใหม่เพื่อสนับสนุนบริษัทต่างๆ ที่มีแนวโน้มการเติบโตในระดับสูง
- จีนได้เริ่มดำเนินการอย่างจริงจังในวันนี้เพื่อเร่งสมัครเข้าร่วมข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (TPP)
ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าเสรี หลังจากการยื่นขอเข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าว โดยเป็นความพยายามที่จะเพิ่มอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนใน
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
- สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป (China
Evergrande Group) ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของจีน ลงสู่ระดับ CC จากระดับ CCC โดยให้แนวโน้มการจัดอันดับ
ความน่าเชื่อถือเป็นลบ เนื่องจากสภาพคล่องของเอเวอร์แกรนด์ลดน้อยลง และบริษัทมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งรวมถึง
ความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับโครงสร้างหนี้
- ฟิทช์ เรทติ้งส์ก็ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเอเวอร์แกรนด์ลงสู่ระดับ CC จากระดับ CCC+ พร้อมกับเตือนว่า การ
ผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะทำให้ธุรกิจในภาคส่วนต่างๆ ของจีนมีความเสี่ยงด้านสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยฟิทช์ระบุว่า เอเวอร์แกรนด์ได้
กู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่างๆ จำนวน 5.72 แสนล้านหยวน (ประมาณ 8.88 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการทบทวนหลักจริยธรรมของเฟดในเรื่องการทำธุรก
รรมทางการเงินอย่างเหมาะสม หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสหลายคนของเฟดได้ทำการซื้อขายหุ้นมูลค่าหลายล้าน
ดอลลาร์ในปี 2563 และเจ้าหน้าที่อีกบางส่วนมีการลงทุนจำนวนมาก
- สื่อต่างประเทศ รายงานว่า ตลาดคริปโตเคอเรนซีออนไลน์มากกว่า 60 แห่งในเกาหลีใต้จะต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบว่า จะ
มีการระงับซื้อขายบางส่วนหรือทั้งหมด ซึ่งเป็นการแจ้งลูกค้าล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่กฎระเบียบใหม่จะมีผลบังคับใช้
--อินโฟเควสท์ โดย ปภัสสร องค์พิเชฐเมธา/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--