บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ประเมินความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (20-24 ก.ย.) ว่า มีแนวรับที่ 1,600 และ 1,580 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,635 และ 1,645 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (21-22 ก.ย.) สถานการณ์โควิด ประเด็นการเมืองไทย ตัวเลขส่งออกเดือนส.ค.ของไทย ทิศทางเงินลงทุนจากต่างประเทศ ตลอดจนประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ของจีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านใหม่และบ้านมือสองเดือนส.ค. รวมถึงดัชนี PMI เดือนก.ย. (เบื้องต้น) ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนก.ย. ของจีน ตลอนจนดัชนี PMI เดือนก.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซนและญี่ปุ่น
สัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,625.65 จุด ลดลง 0.59% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 85,757.98 ล้านบาท ลดลง 5.41% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.00% มาปิดที่ 554.20 จุด
การที่หุ้นไทยร่วงลงช่วงต้นสัปดาห์ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการกำกับดูแลภาคธุรกิจของทางการจีน นอกจากนี้ยังมีแรงขายในหุ้นที่มีฟรีโฟลทต่ำ (โดยเฉพาะหุ้นของบริษัทในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์) หลังมีรายงานข่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมที่จะพิจารณาปรับเกณฑ์ในการหาหุ้นเข้า SET50 และ SET100 อย่างไรก็ดีดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ตามแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศ ก่อนจะร่วงลงอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ตามแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ ขณะที่การปรับน้ำหนัก FTSE Rebalance เริ่มมีผลในวันที่ 17 ก.ย.