ฝ่ายวิจัย TMB คาดกนง.คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.25% จนถึงสิ้นปี 50

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday November 29, 2007 17:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ฝ่ายวิจัย ธนาคารทหารไทย(TMB) คาดว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบสุดท้ายของปีในวันที่ 4 ธ.ค.นี้จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3.25% ตามเดิม อีกทั้งมีแนวโน้มที่จะทรงตัวในระดับนี้ไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อสนับสนุนอุปสงค์ในประเทศให้ขยายตัว เพื่อชดเชยการชะลอลงของการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในปีหน้า
เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ ในไตรมาสที่ 3/50 อุปสงค์ในประเทศทั้งด้านการบริโภคและการลงทุนมีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 0.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 1.3% ขณะที่ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนแม้ว่ายังคงหดตัว 0.6% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 42.9. จากระดับ 42.1 ในไตรมาสก่อน
นอกจากนี้ ด้านอุปสงค์จากต่างประเทศ ในเดือนต.ค.50 การส่งออกในรูปดอลลาร์ขยายตัวถึง 26.7% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นการขยายตัวในเกือบทุกรายการสินค้า ขณะที่การนำเข้าเร่งขึ้นมาขยายตัวที่ 20.2% โดยเป็นการขยายตัวของสินค้าทุนเป็นสำคัญ เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการปรับตัวที่ดีขึ้นของภาคการลงทุนในระยะต่อไป
อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น การที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก (WTI) ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือระดับ 90 ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนค.ค.50 พุ่งสูงสุดในรอบ 9 เดือนที่ 2.5% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปีจะอยู่ระดับที่ใกล้เคียงกับเดือนนี้จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อไป
สำหรับในปี 51 ราคาสินค้าและบริการมีแนวโน้มที่จะทยอยปรับสูงขึ้น และทำให้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นประเด็นที่ กนง. ให้ความสำคัญมากขึ้นในการประชุมครั้งนี้
ด้านค่าเงินบาทอยู่ในทิศทางที่สอดคล้องกับค่าเงินในภูมิภาค จากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มชะลอลงโดยล่าสุด ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ได้ปรับลดการคาดการณ์อัตราการขยายตัวของ GDP ในปี 2551 จาก 2.50-2.75% เหลือ 1.8-2.50% ทำให้มีโอกาสสูงที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 11 ธ.ค.50 ซึ่งจะกดดันเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าลงอีก และกระทบต่อค่าเงินในภูมิภาคให้แข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทในขณะนี้อยู่ที่ 33.83 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นประมาณ 6.7% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 49 และยังคงแข็งค่าเกาะกลุ่มกับค่าเงินในภูมิภาค โดยแข็งค่าน้อยกว่ารูปีของอินเดีย และเปโซฟิลิปปินส์ การแข็งค่าของเงินบาททำให้ราคาน้ำมันนำเข้าในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้นไม่มาก และช่วยทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกปรับขึ้นไม่เร็วเกินไป
นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอัตราดอกเบี้ยของไทยก็ไม่ได้สูงกว่า จึงไม่น่าจะเป็นมูลเหตุจูงใจเงินทุนระยะสั้นให้ไหลเข้ามา ดังนั้น ประเด็นเรื่องเงินบาทแข็งค่า ไม่น่าจะกดดันให้ กนง. ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมรอบนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ