ผู้บริหาร BCP เผยผู้ค้าน้ำมันอาจปรับราคาอีกเหตุยังขาดทุน-ค่าการตลาดต่ำ

          ผู้บริหาร บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) เผยค่าการตลาดน้ำมันจากการขายปลีกในประเทศยังอยู่ในระดับที่ต่ำ แม้วันนี้ผู้ค้าน้ำมันทุกรายจะปรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศทุกชนิดขึ้นอีกลิตรละ 50 สตางค์จนส่งผลให้ราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ก็ยังมีแนวโน้มที่จะต้องปรับขึ้นราคาอีก หากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องไปอีก 
          "วันนี้ค่าการตลาดยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ทั้งเบนซิน 95 และดีเซล ยังติดลบอยู่ประมาณ 50-60 สตางค์ต่อลิตร ส่วนแก๊สโซฮอล์บวกอยู่ 10-20 สตางค์ต่อลิตร" นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP กล่าวทางรายการวิทยุเช้านี้
          ราคาขายปลีกน้ำมันในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในวันนี้ เบนซิน ออกเทน 95 อยู่ที่ลิตรละ 31.69 บาท, เบนซิน ออกเทน 91 อยู่ที่ลิตรละ 30.89 บาท, แก๊สโซฮอล์ ออกเทน 95 อยู่ที่ลิตรละ 28.19 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 27.39 บาท และดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 28.64 บาท
          กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP กล่าวว่า สถานการณ์เช่นนี้ส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมันต้องแบกรับภาระขาดทุน เนื่องจากการปรับขึ้นราคาต้องดูสัญญาณจากผู้ค้ารายใหญ่แม้จะสามารถปรับขึ้นราคาได้โดยเสรีก็ตาม ซึ่งหากมีการปรับราคาตามความเป็นจริงแล้ว วันนี้ราคาน้ำมันเบนซิน 95 จะต้องอยู่ที่ลิตรละ 33.50 บาท ส่วนดีเซลจะอยู่ที่ลิตรละ 30 บาทกว่าๆ แต่การปรับขึ้นราคาอย่างรวดเร็วจะสร้างผลกระทบต่อประชาชน
          "ภาระอันนี้ผู้ค้าน้ำมันเป็นผู้แบก และมีอิสระที่จะขึ้นราคา แต่ผู้ค้ารายเล็กต้องดูผู้ค้ารายใหญ่คือ ปตท.เพราะถ้า(รายเล็ก)ปรับราคาขึ้นไปก่อนยอดขายก็จะหายไปเลย" นายอนุสรณ์ กล่าว
          กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP กล่าวว่า ภาครัฐก็พยายามลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเน้นในส่วนของไบโอดีเซลและแก๊สโซฮอล์ ซึ่งขณะนี้เหลือเงินที่เรียกเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพียงลิตรละ 30 สตางค์เท่านั้น หากภาครัฐต้องการให้ราคาน้ำมันลดลงไปมากกว่านี้ก็คงต้องถึงขั้นต้องจ่ายเงินอุดหนุน
          ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกคาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากมีความผันผวนสูง โดยปัจจุบันมีการเก็งกำไรไปตามกระแสข่าว ไม่ได้สะท้อนเรื่องอุปสงค์-อุปทานที่แท้จริง
          สำหรับรายได้ค่าการกลั่นขึ้นอยู่สมรรถนะของโรงกลั่นแต่ละแห่ง อย่างโรงกลั่นของ บมจ.ไทยออยล์(TOP) จะอยู่ที่ 8-9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเฉลี่ยเป็นกำไรลิตรละ 1.70-1.80 บาท ส่วนโรงกลั่นของ BCP จะอยู่ที่ 3.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เฉลี่ยเป็นกำไรลิตรละ 80 สตางค์