รัฐเล็งหามาตรการสร้างการออมระยะยาวให้แรงงานมีรายได้หลังเกษียณ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 7, 2007 16:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายโชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นเรื่องเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 2 เห็นชอบมาตรการสร้างระบบการออมระยะยาวเพื่อให้แรงงานทั่วประเทศมีรายได้ไว้ใช้หลังจากเกษียณ ตามที่คณะกรรมการสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติเสนอ เนื่องจากในอนาคตมีปริมาณผู้สูงอายุในไทยมากขึ้น 
ข้อเสนอตามแนวทางดังกล่าว ประกอบด้วย การจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ(กบช.) พร้อมทั้งให้กรมสรรพากรพิจารณายกเลิกการเรียกเก็บภาษีเงินบำเหน็จบำนาญข้าราชาการ(กบข.) และเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของลูกจ้าง(กสจ.), ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีงานทำ โดยได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมเพื่อเสริมรายได้ และให้มีระบบสวัสดิการสังคมแก่ผู้สูงอายุในชุมชน
ขณะเดียวกัน ยังให้เลื่อนระยะเวลาการเกษียณอายุของผู้ทำงานในภาครัฐและเอกชนมากขึ้น เช่น งานที่สามารถใช้ประสบการณ์ทางวิชาการหรือเฉพาะทางในสาขาที่ขาดแคลนอาจกำหนดให้เกษียณอายุทำงานเกินอายุ 60 ปี ส่วนงานที่มีความเสี่ยงภัยสูงให้เกษียณอายุทำงานน้อยกว่า 60 ปีก็ได้ ซึ่งหากได้ข้อสรุปจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
สำหรับในส่วนที่เกี่ยวข้องกับรายได้และภาษีนั้น นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง เห็นด้วยที่จะให้กระทรวงการคลังรับผิดชอบเกี่ยวกับมาตรการยกเว้นภาษีสำหรับเงินกองทุน กบข.และ กสจ.
ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้กำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้มีเงินได้ที่เป็นราชการ ลูกจ้าง และพนักงานรัฐวิสาหกิจ เช่น เว้นภาษีสำหรับเงินได้สุทธิ 1 แสนบาทแรก และผู้ที่อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปได้เว้นภาษีเพิ่มเติมอีกไม่เกิน 1.9 แสนบาทต่อปี ส่วนผู้ที่อายุ 55 ปีขึ้นไปที่ได้รับเงินตอบแทนจากกองทุน กสล.จะได้เว้นภาษีเงินได้หากเป็นสมาชิกไม่น้อยกว่า 5 ปี เป็นต้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ