นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้ให้ความสำคัญกับภาคการเกษตรเป็นอย่างมาก โดยกำหนดเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก ดำเนินการผ่านนโยบาย "เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด" ภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต และให้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน 3 ฝ่าย ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายฯ ให้บรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้โดยเร็ว
ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะประธานร่วมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการสร้างแพลตฟอร์มกลาง "เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด" ดำเนินนโยบายกระตุ้นการจำหน่ายสินค้าเกษตร บน 2 แพลตฟอร์มคุณภาพ สำหรับผู้ซื้อจากต่างประเทศบน Thaitrade.com ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และผู้ซื้อภายในประแทศบน Phenixbox.com ของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ซึ่งเป็นพันธมิตรของกระทรวงพาณิชย์ ที่รวบรวมสินค้าเกษตรจากสหกรณ์การเกษตรระดับพรีเมียมมาจำหน่ายในรูปแบบค้าส่งออนไลน์ สำหรับผู้ซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจในรูปแบบออนไลน์นำผู้ขายอย่างสหกรณ์การเกษตรมาพบกับผู้ซื้อทั้งในและต่างประเทศ สร้างยอดขายภายในหนึ่งปีทะลุ 83 ล้านบาท
ทั้งนี้ สินค้าเกษตร มีความท้าทายอยู่ 2 ประการ คือ 1. สินค้าเน่าเสียง่าย และ 2. ปัญหาสินค้าล้นตลาด ดังนั้น เกษตรกรจึงต้องการจำหน่ายสินค้าเกษตรในรูปแบบบิ๊กล็อต (Big lot) เพื่อช่วยลดปัญหาดังกล่าว กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานร่วมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการสร้างแพลตฟอร์มกลาง "เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด" จึงได้จัดให้มีช่องทางสำหรับจำหน่ายสินค้าเกษตรในรูปแบบค้าส่งออนไลน์ขึ้น เพื่อขยายช่องทางการค้าสินค้าเกษตรให้เข้าถึงผู้ซื้อรายใหญ่ได้ง่ายยิ่งขึ้นทั้งในและต่างประเทศ
รมช.พาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ระยะนำร่องของโครงการ มีการผลักดันให้สหกรณ์การเกษตรนำสินค้าขึ้นจำหน่ายบนทั้ง 2 แพลตฟอร์ม โดยได้จัดออนไลน์เวิร์กชอปสอนการจำหน่ายสินค้าให้กับสหกรณ์การเกษตรอย่างใกล้ชิด ซึ่งภายหลังจากการเวิร์กชอปทำให้มีสินค้าสหกรณ์คุณภาพจำหน่ายบน Thaitrade.com รวมสินค้าทั้งสิ้น 45 รายการ จาก 9 สหกรณ์การเกษตรที่มีกำลังการผลิตพร้อมส่งออก โดยมีสินค้าได้แก่ ข้าว นมและผลิตภัณฑ์จากนม และโคเนื้อ ด้านแพลตฟอร์ม Phenixbox.com สำหรับจำหน่ายภายในประเทศ สหกรณ์การเกษตร 19 สหกรณ์ ได้นำสินค้าขึ้นจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม รวมสินค้าทั้งสิ้น 39 รายการ ได้แก่ ข้าว นม ไข่ไก่ ผลไม้ และปุ๋ยชีวภาพ
"หลังจากที่สหกรณ์การเกษตร ได้นำสินค้าขึ้นจำหน่ายบนแพลตฟอร์มทั้ง 2 แล้ว ได้มีการเพิ่มยอดขาย โดยจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ หรือ Online Business Matching กับผู้ซื้อรายใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศ โดยกลุ่มผู้ซื้อจากต่างประเทศได้มีการร่วมมือกับทูตพาณิชย์หรือเซลแมนประเทศ เชื่อมโยงไปยังผู้ซื้อที่สนใจสินค้าของสหกรณ์การเกษตรบนแพลตฟอร์ม Thaitrade.com และจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจออนไลน์ ระหว่างสหกรณ์การเกษตรและผู้ซื้อจากต่างประเทศ ซึ่งมีผู้ซื้อที่สนใจเข้าเจรจาธุรกิจกับสหกรณ์การเกษตร จำนวน 22 บริษัท จาก 9 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ลาว พม่า และไต้หวัน รวม 59 คู่เจรจา มูลค่าการซื้อขายคาดการณ์ 1 ปี 2,410,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 79,460,000 บาท" รมช.พาณิชย์ระบุ
สำหรับสินค้าที่ได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว ข้าวอินทรีย์ นมอัดเม็ด ผลิตภัณฑ์นม และผลิตภัณฑ์เนื้อวัวแปรรูป โดยประเทศอินเดียเป็นประเทศที่ให้ความสนใจสินค้าต่าง ๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสินค้าประเภทข้าวกล้องหอมมะลิ ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ และผลิตภัณฑ์นมอัดเม็ด
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ซื้อรายใหญ่ในประเทศ ให้ความสนใจสินค้าคุณภาพบน Phenixbox.com จึงได้จัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจออนไลน์ระหว่างสหกรณ์การเกษตรและผู้ซื้อกลุ่มโรงแรมระดับห้า-หกดาว ในเครือบริษัท AWC จำนวน 13 โรงแรม เช่น โรงแรม The Okura Prestige Bangkok, โรงแรม The Athenee Hotel, โรงแรม Bangkok Marriott Marquis Queen?s Park, โรงแรม Banyan Tree และ โรงแรม Hilton Sukhumvit เป็นต้น รวม 41 คู่เจรจา เกิดมูลค่าการซื้อขายคาดการณ์ 1 ปี 3,000,000 บาท
โดยสินค้าที่ได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ นมโคพาสเจอร์ไรซ์ ไข่ไก่ และผลไม้ ทั้งนี้ โรงแรมยังมีความสนใจสินค้าเกษตรคุณภาพดีอื่น ๆ ของสหกรณ์เพิ่มเติม และคาดว่าจะมีความต้องการ และกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นต่อไปเมื่อเข้าสู่ภาวะปกติ
"ในระยะถัดไป กระทรวงพาณิชย์จะต่อยอดไปยังกลุ่มสินค้าเกษตรอื่น เช่น สินค้าปศุสัตว์ สินค้าประมง และสินค้าวิสาหกิจชุมชน เพื่อช่วยขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้กับสินค้าเกษตรของไทยให้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน" รมช.พาณิชย์ กล่าว