นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดประจำเดือน ต.ค.50 ว่ารัฐบาลขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 59,214 ล้านบาท เป็นการขาดดุลงบประมาณจำนวน 35,746 ล้านบาท เนื่องจากรายจ่ายขยายตัวในอัตราที่สูง และการขาดดุลเงินนอกงบประมาณจำนวน 23,468 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลชดเชยการขาดดุลโดยการออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 11,500 ล้านบาท และใช้เงินคงคลัง จำนวน 47,714 ล้านบาท
สำหรับฐานะการคลังเดือนต.ค.50 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังจำนวน 119,643 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน 8.5% เนื่องจากมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาษีเบียร์ ภาษีรถยนต์ และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประกอบกับรัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
ส่วนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณมีทั้งสิ้น 155,389 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 73.5% แบ่งเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน 147,936 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน 82% คิดเป็น 8.9% ของวงเงินงบประมาณ (1,660,000 ล้านบาท)
โดยมีการเบิกจ่ายงบประมาณที่สำคัญ ได้แก่ รายจ่ายให้กับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 12,000 ล้านบาท รายจ่ายให้กับกองทุนประกันสังคม 6,044 ล้านบาท รายจ่ายให้สำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง 5,563 ล้านบาท รายจ่ายบำเหน็จดำรงชีพ 2,300 ล้านบาท และการเบิกจ่ายงบลงทุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 15,000 ล้านบาท และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 7,453 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีก่อน 10.1%
ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือนต.ค.50 ขาดดุล 35,746 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุล 23,468 ล้านบาท จากการไถ่ถอนตั๋วเงินคลังสุทธิจำนวน 19,000 ล้านบาท และการจ่ายเงินเหลื่อมจ่ายสุทธิจำนวน 3,209 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดขาดดุล 59,214 ล้านบาท
ทั้งนี้รัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลโดยออกพันธบัตรจำนวน 11,500 ล้านบาท และใช้เงินคงคลังจำนวน 47,714 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--