นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ปลีกไทย และ นายนพพร วิฑูรชาติ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย ระบุว่า การที่ศบค. ผ่อนปรนให้เปิดธุรกิจเพิ่มเติมในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและศักยภาพของประเทศในเรื่องของระบบสาธารณสุขไทย ซึ่งรัฐบาลได้นำวัคซีนเข้ามาอย่างเพียงพอ และมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อที่ลดลง โดยทั้ง 2 สมาคมเชื่อมั่นว่าการเปิดธุรกิจในครั้งนี้จะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น และทำให้ภาคค้าปลีกและบริการมีรายได้และเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติทั้งนี้
สมาคมฯ พร้อมยกระดับและปฏิบัติตามมาตรการคุมเข้มโควิดขั้นสูงสุดของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เรื่องการขยายเวลา และการเปิดกิจการและธุรกิจเพิ่มเติมในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และ คอมมูนิตี้มอลล์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ดังนี้
1. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร และร้านค้าต่างๆ ในศูนย์การค้าเปิดให้บริการจนถึง 21.00 น.
2. ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์ท และแคชแอนด์แครี่ ที่ตั้งนอกศูนย์การค้า เปิดตามปกติ และ ปิดให้บริการ 21.00 น.
3. ร้านสะดวกซื้อ และตลาดสด เปิดบริการได้ 04.00 น. ถึง 21.00 น.
4. ร้านอาหารในศูนย์การค้าสามารถนั่งบริโภคในร้านได้ โดยร้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศสามารถนั่งได้ 75% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด และร้านที่ติดเครื่องปรับอากาศ สามารถนั่งได้ 50% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด โดยสามารถมีการเล่นดนตรีได้ แต่จำกัดจำนวนนักดนตรีไม่เกิน 3 คน นักดนตรีต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และปิดให้บริการ 21.00 น.
5. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ (นวด สปา) ร้านทำเล็บ ร้านสัก เปิดดำเนินการในศูนย์การค้าได้ แต่ต้องนัดหมายล่วงหน้า และให้บริการไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อคน และขอความร่วมมือลูกค้าที่เข้ารับบริการควรได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือมีผลตรวจ ATK หรือ RT-PCR เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง
6. ธุรกิจโรงภาพยนตร์หรือฉายภาพยนตร์ เปิดดำเนินการได้ถึงเวลา 21.00 น. และต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร หรือลดจำนวนผู้เข้ารับบริการเหลือประมาณ 50% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด และต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา รวมทั้งไม่อนุญาตให้รับประทานอาหารภายใน โรงภาพยนตร์
7. ตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม สวนสนุก สวนน้ำ และห้องประชุมจัดเลี้ยง ยังไม่เปิดให้บริการ
8. ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมคนมากกว่า 25 คน
9. หากมีประกาศของจังหวัดอื่นใด นอกเหนือจากนี้ ให้ปฏิบัติตามประกาศของจังหวัดนั้นๆ
"อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 สมาคมฯ มีความเห็นว่าการบรรลุเป้าหมายนโยบายเปิดประเทศ ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจจากทุกภาคส่วนในการจับมือวิ่งไปถึงเส้นชัยที่อยู่ไม่ไกลร่วมกัน นอกจากนี้ภาครัฐต้องเร่งผลักดันเศรษฐกิจอย่างจริงจังและตรงจุด สะท้อนผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ อาทิ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่มเติมในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีซึ่งเป็นไฮซีซั่น เช่น การนำมาตรการช้อปดีมีคืน หรือเพิ่มวงเงินของยิ่งใช้ยิ่งได้กลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ กระตุ้นมู้ดการจับจ่ายให้กลับมาคึกคัก
โดยสมาคมฯ พร้อมร่วมเดินเครื่องเศรษฐกิจกับทุกภาคส่วนอย่างมั่นคงและยั่งยืน ควบคู่กับมาตรการควบคุมโรคที่เหมาะสม ด้วยหลัก Covid Free Setting และ Universal Prevention เพื่อให้ธุรกิจกลับมาเติบโตเข้มแข็ง นับถอยหลังสู่การเปิดประเทศที่สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง" นายญนน์ กล่าวทิ้งท้าย