ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: GDP สหรัฐแกร่ง หนุนดอลล์แข็งเทียบยูโร,ฟรังซ์

ข่าวต่างประเทศ Friday November 30, 2007 07:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลจีดีพีที่สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดี
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ขยายตัวขึ้น 4.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวรายไตรมาสที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2546 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวขึ้น 4.8%
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโร่วงลงแตะระดับ 2.0613 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับ 2.0812 ดอลลาร์ต่อยูโร เงินปอนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 2.0613 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 2.0812 ดอลลาร์ต่อปอนด์ ขณะเดียวกันดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.1171 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.1097 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลงแตะระดับ 109.84 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 109.97 เยนต่อดอลลาร์
ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดเป็นผลมาจากยอดส่งออก ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค และการลงทุนด้านคลังสินค้า ที่พุ่งสูงขึ้น โดยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมนั้น ขยายตัวขึ้นในอัตรา 2.7% ในไตรมาส 3 จากระดับ 1.4% ในไตรมาส 2
นายเดวิด โซลิน นักวิเคราะห์จากบริษัทฟอเรนจ์ เอ็กซ์เชนจ์ อนาไลติกส์ กล่าวว่า ตัวเลขจีดีพีที่ขยายตัวขึ้นทำให้นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังขยายตัวได้ดี ซึ่งช่วยหนุนดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ถูกแรงขายทุบร่วงลงอย่างหนักจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนหน้า
"อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรเข้ามาในสกุลเงินดอลลาร์จนถึงช่วงปลายปีนี้" นายโซลินกล่าว
นักลงทุนไม่ให้ความสนใจต่อข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.ขยับขึ้นเพียง 1.7% แตะระดับ 728,000 ยูนิต ซึ่งต่ำกว่าระดับเฉลี่ยของปีที่แล้วอยู่ประมาณ 23.5%
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักหลังจากนายโดนัลด์ คอห์น รองประธานเฟดกล่าวว่า ภาวะผันผวนครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินเมื่อไม่นานมานี้อาจทำให้เศษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงมากกว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้น อีกทั้งจะส่งผลให้เกิดภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อและภาคธุรกิจ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ