นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงมาตรการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตรในช่วงฤดูฝน ปี 2564 และมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรและซ่อมสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ประสบอุทกภัยภายหลังน้ำลด ว่า เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทย หย่อมความกดอากาศต่ำ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พักปกคลุมทะเลอันดามัน รวมถึงอิทธิพลจากพายุดีเปรสชัน "โกนเซิน" และ "เตี้ยนหมู่" ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และตกหนักในบางพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลับและน้ำป่าไหลหลาก ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมจนถึงปัจจุบัน จำนวน 40 จังหวัด 114 อำเภอ
ล่าสุด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยไปแล้ว โดยกรมชลประทานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 281 เครื่อง, เครื่องผลักดันน้ำ 99 เครื่อง, เครื่องจักรอื่น ๆ 73 เครื่อง กรมประมง สนับสนุนเรือตรวจการ 7 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ 30 ราย และกรมปศุสัตว์อพยพสัตว์ จำนวน 100,854 ตัว สนับสนุนพืชอาหารสัตว์ จำนวน 152.2 ตัน สนับสนุนอาหาร TMR จำนวน 6 ตัน สนับสนุนแร่ธาตุ 450 ก้อน ถุงยังชีพสัตว์ จำนวน 930 ถุง และเสริมสร้างสุขภาพสัตว์ จำนวน 1,580 ตัว
สำหรับมาตรการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตร ปี 2564 ในช่วงฤดูฝน ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมหากเกิดภัยพิบัติ อาทิ น้ำท่วม-ดินโคลนถล่มในช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน และฝนน้อยกว่าค่าปกติในช่วงกลางเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม แบ่งเป็น 3 แผน คือ
1) การป้องกันและเตรียมความพร้อมเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ อาทิ การบริหารจัดการน้ำ การสำรองเมล็ดพันธุ์ เครื่องจักร-เครื่องมือ เสบียงอาหารสัตว์ เป็นต้น
2) การเผชิญเหตุและการบรรเทาทุกข์เพื่อการจัดการภาวะฉุกเฉิน อาทิ การเร่งระบายน้ำ สนับสนุนเรือตรวจการและเจ้าหน้าที่ การสนับสนุนเสบียงอาหารสัตว์และดูแลสุขภาพสัตว์ เป็นต้น
3) การฟื้นฟูให้ดีกว่าเดิม-การซ่อมสร้างและฟื้นสภาพ อาทิ การสำรวจและประเมินความเสียหาย การบำบัดน้ำเสีย-ปรับปรุงบำรุงดิน และการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืช-พันธุ์สัตว์น้ำ เป็นต้น
สำหรับการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และมาตรการอื่น ๆ ของกระทรวงเกษตรฯ ได้มีการปรับเกณฑ์เงินชดเชยเพิ่มขึ้นจากหลักเกณฑ์เดิมในปี 2556 กรณีเสียหายสิ้นเชิง ประกอบด้วย ด้านพืช ข้าว ไร่ละ 1,340 บาท/พืชไร่และพืชผัก ไร่ละ 1,980 บาท/ไม้ผล ไม้ยืนต้น และอื่นๆ ไร่ละ 4,048 บาท รายละไม่เกิน 30 ไร่
ด้านประมง ปลาทุกชนิด/สัตว์น้ำอื่น ไร่ละ 4,682 บาท ไม่เกินรายละ 5 ไร่ กุ้ง/หอยทะเล ไร่ละ 11,780 บาท ไม่เกินรายละ 5 ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ ตรม. ละ 368 บาท ไม่เกินรายละ 80 ตรม. ด้านปศุสัตว์ อาทิ โค ตัวละ 13,000?35,000 บาท (ไม่เกินรายละ 5 ตัว) กระบือ ตัวละ 15,000?39,000 บาท (ไม่เกินรายละ 5 ตัว) สุกร ตัวละ 1,500?3,000 บาท (ไม่เกินรายละ 10 ตัว)
ด้านอื่น ๆ อาทิ ช่วยเหลือค่าขนย้ายดินโคลนไม่เกิน 35,000 บาท/ราย ช่วยเหลือค่าปรับเกลี่ยพื้นที่ เหมาจ่าย 800 บาท/ไร่ ช่วยเหลือค่าปรับพื้นที่ทำนาเกลือ ไร่ละ 1,220 บาท ไม่เกิน 30 ไร่ ช่วยเหลือค่าเครื่องมือประกอบอาชีพไม่เกิน 11,400 บาท/ครัวเรือน และช่วยเหลือค่าซ่อมแซมคอกสัตว์/โรงเรือน/ยุ้งข้าว ครัวเรือนละไม่เกิน 5,700 บาท เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือฟื้นฟูเกษตรกรและซ่อมสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ประสบภัยในเบื้องต้น เช่น กำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย อุทัยธานี ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด เลย และศรีสะเกษ เป็นต้น ซึ่งจะเน้นการหยุดยั้งความเสียหายแก่ผลผลิต โดยเฉพาะไม้ผล ไม้ยืนต้น ปศุสัตว์ขนาดใหญ่ และเสริมสร้างสภาพคล่องทางการเงินแก่ครัวเรือนเกษตร รวมถึงการซ่อมแซมเครื่องจักรกลทางการเกษตรและสำรวจซ่อมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านชลประทาน ประกอบด้วย 6 มาตรการ คือ
1) สำรวจความเสียหายและแจ้งสิทธิการช่วยเหลือทางการเงิน ตามระเบียบกระทรวงการคลัง/ประกันภัยกับ ธ.ก.ส. (ข้าว, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) การขยายระยะเวลาชำระหนี้/สินเชื่อ ทั้งการลดและปลอดดอกเบี้ย
2) จัดหน่วยเคลื่อนที่ลงปฏิบัติการ ให้คำแนะนำการฟื้นฟู ดูแลพื้นที่เสียหาย ทั้งด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ เพื่อบำรุง รักษา ฟื้นฟูผลผลิตให้สู่สภาพปกติ
3) สนับสนุนเครื่องมือ เครื่องจักร เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ทำการเกษตรและชุมชนลุ่มต่ำ เพื่อให้ชุมชนและพื้นที่เกษตรมีความพร้อมทำการผลิตรอบต่อไป
4) สนับสนุนอุปกรณ์และองค์ความรู้ในการปรับปรุงบำรุงดินและการบำบัดน้ำเสีย ทั้งในพื้นที่เกษตรและแหล่งน้ำของชุมชน เพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับผลผลิต
5) สนับสนุนปัจจัยการผลิต พันธุ์พืช พันธุ์ผัก กล้าพันธุ์พืชผัก ไม้ผล ชีวภัณฑ์ และพันธุ์สัตว์ เพื่อผลิตเป็นอาหารไว้บริโภค ลดรายจ่ายในครัวเรือน
6) ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อช่วยฟื้นฟูรักษาระบบนิเวศน์และเป็นแหล่งอาหารของชุมชน
7) สนับสนุนการซ่อมแซมเครื่องมือ เครื่องจักรกลทางการเกษตร เพื่อให้สามารถนำกลับมาใช้งานในดำเนินกิจกรรมทางการเกษตรได้ตามปกติ
8) สำรวจซ่อมสร้าง โครงสร้างพื้นฐานด้านชลประทาน เพื่อป้องกันภัยพิบัติและการบริหารจัดการน้ำในระยะต่อไปด้วย