น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีไทย จะลงนามในปฏิญญาจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 13 วันที่ 19-22 พ.ย.นี้ ที่สิงคโปร์ หลังจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีมติเห็นชอบให้ไทยร่วมลงนามได้
ทั้งนี้จะทำให้อาเซียนมีความร่วมมือกันมากขึ้น โดยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในภูมิภาค การพัฒนาอย่างเท่าเทียมกัน และการบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลก เป็นการเพิ่มอำนาจต่อรองของอาเซียนและส่งเสริมให้ทั้งภูมิภาคเติบโตมากขึ้น
สำหรับประโยชน์ต่อไทยนั้น การเปิดตลาดเสรีระหว่างอาเซียนโดยรวมให้เป็นฐานการผลิตเดียวกันในภูมิภาคจะเป็นประโยชน์ในการเกื้อกูลด้านการผลิตให้กับผู้ผลิตภายในประเทศ และเพิ่มโอกาสให้กับอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในหลายด้านของไทย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์, อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น
"ยอมรับว่าจะมีผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการในประเทศบางสาขาอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในสาขา หรือภาคการผลิตที่ไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าของประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นที่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันมากกว่า แต่ก็ไม่น่าห่วง เพราะภาครัฐได้เตรียมการรองรับและให้มีการปรับตัวล่วงหน้า โดยเฉพาะในด้านโครงสร้างการผลิตภายในประเทศแล้ว" น.ส.ชุติมา กล่าว
ทั้งนี้ไทยมีบทบาทสำคัญในอาเซียนมาโดยตลอด นับตั้งแต่จัดตั้งอาเซียนในปี 2510 ขณะนี้ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของอาเซียนที่จะก้าวไปสู่มิติใหม่ที่จะทำให้อาเซียนกลายเป็นภูมิภาคที่แข็งแกร่งและสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ส่วนในด้านเศรษฐกิจอาเซียนเป็นทั้งคู่ค้าและตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทยนำหน้าตลาดดั้งเดิมอย่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยในปี 49 มีสัดส่วนการส่งออก 20.8% ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทย
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--