FED คาดเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวถึงปีหน้า จุดกระแสคาดการณ์ลดดอกเบี้ยลงอีก

          ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 30-31 ต.ค. โดยระบุว่า คณะกรรมการเฟดได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลงติดต่อกันในการประชุม 2 ครั้ง ด้วยมติที่ไม่เป็นเอกฉันท์ อย่างไรก็ตาม เฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้านี้
          "ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นลงในวันที่ 31 ต.ค.คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลงสู่ระดับ 4.5% พร้อมกับให้รอดูข้อมูลด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ก่อนที่จะมีการตัดสินใจในการประชุมครั้งหน้า โดยการลงมติครั้งหลังสุดออกมาไม่เป็นเอกฉันท์ ซึ่งนายโธมัส โฮนิง ผู้ว่าการเฟดสาขาแคนซัสซิตี้ เป็นกรรมการเฟดเพียงรายเดียวที่ไม่เห็นด้วยให้ลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก" รายงานการประชุมเฟดระบุ
          ขณะเดียวกันรายงานการประชุมบ่งชี้ว่า คณะกรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญช่วงขาลงแม้เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งแล้วก็ตาม 
          นอกจากนี้ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2551 โดยคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในอัตรา 1.8-2.5% ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.5-2.75%
          "ปัจจัยที่ทำให้เฟดปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2551 มาจากปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งวมถึงภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อและปัญหาในตลาดซับไพรม์ ข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแอเกินคาด และราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง"
          "เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.8-4.9% ในปีหน้า เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 4.75% ทั้งนี้ ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลงนั้น เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า และจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2552 ก่อนที่จะขยับลงเล็กน้อยในปี 2553" รายงานเฟดระบุ
          นอกจากนี้ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดพลังงานและอาหารลงสู่ระดับ 1.7-1.9% ในปี 2551 จากเดิมซึ่งคาดไว้ที่ 1.75-2.0% ส่วนดัชนีซีพีไอทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ 1.8-2.1% ในปีหน้า 
          สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รายงานการประชุมฉบับล่าสุดของเฟดทำให้นักลงทุนตีความว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่หนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้