กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.50-34.10 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 33.88 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 33.66-33.99 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเยนซึ่งมีอัตราผลตอบแทนต่ำ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์แคนาดาซึ่งเป็นสกุลเงินที่เชื่อมโยงสูงกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี สร้างความวิตกว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นเป็นเวลานานและอาจกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เร่งขึ้นดอกเบี้ย โดยตลาดหุ้นปรับตัวผันผวน ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น ทางด้านวุฒิสภาสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มอำนาจในการกู้เงินของกระทรวงการคลังจนถึงเดือนธันวาคม ซึ่งทำให้ตลาดคลายกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ได้ชั่วคราว ส่วนการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 194,000 ตำแหน่ง เทียบกับ 500,000 ตำแหน่งที่ตลาดคาดไว้ ขณะที่ค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงขยายตัวเกินคาดในอัตรา 0.6% เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้าและการว่างงานลดลงสู่ 4.8% ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1,917 ล้านบาท แต่ขายพันธบัตร 1,452 ล้านบาท
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ มองว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจกับข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ รายงานการประชุม ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 21-22 ก.ย.64 รวมถึงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายราย โดยแม้ตำแหน่งการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนกันยายน แต่อัตราค่าจ้างและการว่างงานที่สดใสเกินคาดสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดใกล้จะถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนที่วางไว้ ในภาวะเช่นนี้ BAY คาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะได้รับแรงหนุนเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดี ในระยะหลายสัปดาห์ข้างหน้าตลาดอาจเคลื่อนไหวผันผวนสูงขึ้น โดยนักลงทุนจะติดตามการตัดสินใจของประธานาธิบดีโจ ไบเดนว่าจะต่ออายุตำแหน่งประธานเฟดสำหรับนายเจอโรม พาวเวล อีกหนึ่งสมัยหรือไม่ โดยหากมีการเปลี่ยนประธานเฟดจะทำให้เกิดความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงินสหรัฐฯและเงินดอลลาร์อาจย่อตัวลง
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน ก.ย.64 เพิ่มขึ้น 1.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมอาหารสดและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.19%
อนึ่ง BAYเห็นด้วยกับการประเมินของทางการที่ว่าเงินเฟ้อไตรมาสปัจจุบันจะสูงขึ้นจากต้นทุนการผลิตและขนส่ง กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคและเงินบาทที่อ่อนค่า โดยกระทรวงพาณิชย์ปรับประมาณการเงินเฟ้อเฉลี่ยปีนี้อยู่ในช่วง 0.8-1.2%