นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เตรียมเรียกประชุมด่วนคณะอนุกรรมการในช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อพิจารณาแนวทางการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล โดยผู้ประกอบการทุกภาคส่วน ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร คนขับรถแท็กซี่ จะต้องร่วมมือกันสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น มาตรการ DMHTT ซึ่งอาจใช้สัญญลักษณ์ เช่น การติดสายรัดข้อมือ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้
"ผู้ประกอบการท่องเที่ยวดีใจมากที่จะเริ่ม kick off ในวันที่ 1 พฤศจิกายน การแถลงของนายกรัฐมนตรีถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี ซึ่งช่วงบ่ายวันนี้ผมจะประชุมคณะอนุกรรมการฯ เพื่อกำหนดแนวทางการทำงานที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการต้องร่วมมือกันก่อน ไม่ต้องพึ่งพาใคร" นายชำนาญ กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"
ประธาน สทท.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงไตรมาส 4/64 แต่เชื่อว่าจะมีจำนวนสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2 แสนคน โดยช่วงแรกน่าจะเป็นการเดินทางเข้ามาเหมือนช่องทางภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ส่วนการเดินทางเข้ามาด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำนั้นคงต้องใช้ระยะเวลาอีก 1-2 เดือน ซึ่งน่าจะเป็นช่วงปลายปี
ขณะที่รอนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา ภาครัฐก็ควรเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพราะพบว่ายังมีปัญหาและอุปสรรคเล็กน้อยในเรื่องหลักเกณฑ์การเข้าพื้นที่ของแต่ละจังหวัดที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจสร้างความสับสนให้กับนักท่องเที่ยว
"ควรส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศควบคู่กันไปด้วย โดยต้องแก้ปัญหาเรื่องความสับสนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์เข้าจังหวัด ที่ไม่ควรมีความแตกต่างกัน ควรเป็นมาตรฐานเดียวกัน" นายชำนาญ กล่าว
ประธาน สทท.กล่าวว่า พื้นที่เป้าหมายการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะเป็นไปตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้กำหนดไว้ เช่น ภูเก็ต พังงา พัทยา กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ในระยะแรกคงยังไม่มีนักท่องเที่ยวทะลักเข้ามามาก เพราะเขาก็กังวลเรื่องความปลอดภัยเช่นกัน โดยผลจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าคนที่ติดเชื้อโควิด-19 ไม่ได้มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะมีมาตรการที่รัดกุม แต่เป็นการติดเชื้อภายในประเทศ แต่ขณะนี้มีความคืบหน้าเรื่องการกระจายฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว