นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการช่วยเหลือกลุ่มอาชีพผู้ขับรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) และจักรยานยนต์สาธารณะที่มีอายุเกิน 65 ปี ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กลุ่มอาชีพดังกล่าว ที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ จากการปฏิบัติตามมาตรการจำกัดการเดินทางของภาครัฐ
ทั้งนี้ มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ขับรถแท็กซี่ และรถจักรยานยนต์สาธารณะที่มีอายุเกิน 65 ปี ที่อยู่ในกลุ่มแรงงานนอกระบบ และไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 และมาตรา 40 ที่ประกอบอาชีพอยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน 29 จังหวัด รวม 16,694 คน แบ่งเป็น กลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่ 12,918 คน และ รถจักรยานยนต์สาธารณะ 3,776 คน ระยะเวลาดำเนินการ 2 เดือน กรอบวงเงิน 166.94 ล้านบาท
สำหรับเงื่อนไขของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นผู้ประกอบอาชีพขับรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) และรถจักรยานยนต์สาธารณะที่มีอายุเกิน 65 ปี และมีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ และบัตรประจำตัวผู้ขับรถสาธารณะ โดยการจ่ายเงินเยียวยานั้น ในส่วนของ 13 จังหวัดตามข้อกำหนดฉบับที่ 25 และฉบับที่ 28 ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จะได้รับเงินเยียวยาในอัตรา 10,000 บาทต่อคน (คนละ 5,000 บาท จำนวน 2 เดือน)
ส่วนกลุ่มที่ประกอบอาชีพดังกล่าวใน 16 จังหวัดตามข้อกำหนดฉบับที่ 30 จะได้รับเงินเยียวยาในอัตรา 5,000 บาทต่อคน (คนละ 5,000 บาท จำนวน 1 เดือน) วิธีการจ่ายเงิน จะโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เฉพาะการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน หรือตามวิธีการอื่นที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด
สำหรับวิธีการลงทะเบียนร่วมโครงการนั้น กรมการขนส่งทางบกจะเปิดให้มีการลงทะเบียนตามหลักเกณฑ์ของโครงการฯ และดำเนินการตรวจสอบข้อมูลผู้ประกอบอาชีพขับรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี จากฐานข้อมูลใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ (รถแท็กซี่) และใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ
สำหรับกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่เช่า ที่ไม่สามารถตรวจสอบพื้นที่ให้บริการได้ จะต้องทำการตรวจสอบยืนยันตัวตนก่อน เช่น ให้นิติบุคคลรถเช่า/สหกรณ์แท็กซี่เป็นผู้รับรอง เป็นต้น ซึ่งกรมการขนส่งทางบก จะจ่ายเงินด้วยวิธีการโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ (Promptpay) เฉพาะการผูกบัญชีกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือตามวิธีการอื่นที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด คาดว่าจะจ่ายเงินรอบแรกระหว่างวันที่ 8 - 12 พฤศจิกายน และจ่ายเงินรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22 - 26 พฤศจิกายน
"โครงการฯ ดังกล่าวจะช่วยรักษาคุณภาพชีวิตของกลุ่มผู้ประกอบอาชีพขับรถยนต์รับจ้าง และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งเป็นการช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ เนื่องจากระบบการขนส่งสาธารณะ เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งระบบนิเวศน์ธุรกิจด้านการขนส่งด้วยรถสาธารณะ ที่จะส่งผลให้ประชาชนยังคงได้ใช้บริการรถสาธารณะที่มีคุณภาพ มีความครอบคลุมในพื้นที่อย่างปลอดภัยต่อไป" นายธนกร กล่าว