ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ เนื่องจากวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อทำให้นักลงทุนไม่ต้องการเข้าลงทุนในสกุลเงินที่มีความเสี่ยง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.4554 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4673 ดอลลาร์ต่อยูโร ขณะที่ค่าเงินปอดน์อ่อนตัวลงแตะระดับ 2.0595 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 2.0909 ดอลลาร์ต่อปอนด์
นายอาร์ชาร์ฟ ไลดี นักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า "ดอลลาร์สหรัฐเริ่มเข้าสู่ภาวะปรับฐานขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเห็นว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กยังไม่ฟื้นตัว จึงไม่เหมาะที่จะเข้าเสี่ยงในสกุลเงินอื่นๆ ความผันผวนในตลาดหุ้นนิวยอร์กขณะนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงภาวะไร้เสถียรภาพในธุรกิจการธนาคารของสหรัฐเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความอ่อนแอของสถาบันการเงินทั่วโลกด้วย โดยเฉพาะเมื่อดูจากตลาดหุ้นทั่วเอเชียที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวานนี้"
"สหรัฐไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในวันจันทร์ เพราะเป็นวันหยุดของรัฐบาลกลางเนื่องในวันทหารผ่านศึก จึงทำให้ตลาดขาดปัจจัยชี้นำ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ยังคงได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนหน้า" นายไลดีกล่าว
วาณิชธนกิจรายใหญ่ๆในสหรัฐได้ประกาศการตัดมูลค่าสินทรัพย์ในบัญชีลงมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์อันเป็นผลจากหนี้เสียจากการจำนองประเภทซับไพร์ม และทำให้เกิดความวิตกว่า อาจจะมีการขาดทุนเพิ่มขึ้นอีก
ขณะที่นายพอล แจ็คสัน นักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์กล่าวว่า ดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินปอดน์ หลังจากทางการอังกฤษเปิดเผยว่าความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจอ่อนแอลง ซึ่งอาจกดดันให้ธนาคารกลางอังกฤษปรับลดอัตราดอกเบี้ย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--