(เพิ่มเติม) ปลัดคลัง เชื่องบประมาณช่วงปี 51-53 ยังคงจัดทำเป็นงบขาดดุล

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 9, 2007 09:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง มั่นใจว่า รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามารับหน้าที่ภายหลังการเลือกตั้งจะไม่เปลี่ยนแปลงงบประมาณปี 2551 ที่ได้ประกาศใช้ไปแล้ว และเชื่อว่าในช่วงปีงบประมาณ 2551-2553 ทางการยังจำเป็นต้องใช้การจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล
ขณะนี้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 51 ได้เสร็จสิ้นแล้วและเป็นงบประมาณแบบขาดดุลต่อเนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นไม่ว่าพรรคการเมืองไหนจะได้เป็นรัฐบาลก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงงบประมาณปี 51 ได้ เพราะกว่าที่รัฐบาลใหม่จะจัดตั้งแล้วเสร็จก็คาดว่าจะเป็นเดือนก.พ-มี.ค.ถือว่าเริ่มเข้าครึ่งปีแรกของงบประมาณแล้ว และการเบิกจ่ายเงินงบประมาณต่างๆ ก็ผ่านไปกว่าครึ่งปี
"แม้ว่าพรรคการเมืองต่างๆ จะได้มีการวางนโยบายประชานิยมในการหาเสียงเลือกตั้ง ดังนั้นในการมาเป็นรัฐบาลใหม่จะมีการใช้จ่ายเงินงบประมาณเพื่อวางนโยบายตามที่หาเสียงไว้ ส่วนจะมีการเพิ่มงบรายจ่ายเพิ่มอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบาย แต่เชื่อว่าทุกรัฐบาลไม่ว่าพรรคไหน ก็คำนึงถึงฐานะการคลังซึ่งต้องดูทั้งด้านรายจ่ายและรายได้ให้สอดคล้องกัน" ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว
นายศุภรัตน์ กล่าวว่า สำหรับปีงบประมาณ 2552-2553 ยังเชื่อว่ารัฐบาลใหม่ยังคงจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลต่อไป ส่วนจะเป็นการขาดดุลในวงเงินมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและแนวนโยบายของรัฐบาลใหม่ โดยเชื่อว่าแม้จะเป็นการขาดดุลงบประมาณต่อเนื่องก็ไม่มีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ โดยหากพิจารณาฐานะการคลังจะเห็นว่าปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ในระดับต่ำและเป็นการขาดดุลงบประมาณที่ไม่เกิน 2% ต่อจีดีพี ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถรับได้
"เมื่อปี 40 รัฐบาลก็เคยจัดทำงบขาดดุลมาแล้วต่อเนื่องถึงปี 47 เพราะเป็นการขาดดุลแล้วเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้ดีขึ้น หลังจากนั้นรัฐบาลอาจลดความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินภาครัฐและนำไปสู่การจัดทำงบแบบสมดุลต่อไปในอนาคต ดังนั้นรัฐบาลใหม่หากจะมีนโยบายใช้จ่ายเงินงบประมาณพิเศษเพิ่มขึ้นในรูปแบบใดก็ตาม ควรจะต้องดูข้อจำกัดด้านรายได้ด้วย" ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุ
นายศุภรัตน์ ยังเห็นว่า ขณะนี้รัฐบาลไม่จำเป็นต้องออกมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการลงทุน แต่สิ่งสำคัญที่ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น โดยภาครัฐและเอกชนควรจะต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดขึ้นเพื่อช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวไปได้ด้วยดี
พร้อมกันนี้ นายศุภรัตน์ ยังได้ปฏิเสธกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่งเพื่อเข้าร่วมเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ