นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) ระยะทาง 196 กิโลเมตร ที่มีการปรับแบบก่อสร้าง 17 สัญญานั้น ขณะนี้การตรวจสอบมีความชัดเจนในการดำเนินการแล้ว 3 สัญญา โดยมี 2 สัญญาพบว่า สามารถใช้เงินเหลือภายในสัญญามาดำเนินการได้ โดยตกลงกับกรมบัญชีกลางเพื่อดำเนินการ อีก 1 สัญญา คือ ช่วงผ่านเรือนจำคลองไผ่ ต.คลองไผ่ อ. สีคิ้ว จ. นครราชสีมา ที่ต้องมีการสร้างรั้วกั้นเพิ่มนั้น สรุปว่ามีเหตุผลที่จะชี้แจงต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อของบประมาณเพิ่มได้
โดยกรณีขอเพิ่มงบประมาณก่อสร้างเนื่องจากมีการปรับแบบนั้น ครม.เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ได้มีมติอนุมัติปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ตอน 12 อีก 120.37 ล้านบาทแล้ว เนื่องจากมีการปรับแบบเพิ่มช่วงความยาวสะพาน, เพิ่มความสูงของช่องลอดใต้สะพานคลองชลประทาน จึงเชื่อว่า หากมีเหตุผลอธิบายได้ว่ากรมทางหลวงได้มีการออกแบบไว้สมบูรณ์แต่จำเป็นต้องมีการปรับแบบ เนื่องจากมีเหตุผลความจำเป็นจากส่วนราชการอื่น จะสามารถเสนอครม.ขอเพิ่มงบประมาณได้
สายบางปะอิน-นครราชสีมา ยังเหลืออีก 14 สัญญาที่จะต้องเร่งตรวจสอบรายละเอียดความชัดเจนและสรุปเหตุผลความจำเป็นในการปรับแบบหากตอนใดมีความชัดเจน ก็จะทยอยนำเสนอครม. ซึ่งอธิบดีกรมทางหลวงรายงานว่าภายในเดือนธ.ค. 2564 จะได้ข้อยุติทั้งหมด และการก่อสร้างจะแล้วเสร็จสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2566 แน่นอน
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่าการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร จำนวน 40 สัญญา ขณะนี้ก่อสร้างเสร็จแล้ว 23 สัญญาโดยภาพรวมโครงการก้าวหน้า 94% และได้ลงนามสัญญาติดตั้งระบบ O&M แล้ว
ส่วนการปรับแบบ 17 สัญญา ซึ่งจะเสนอของบประมาณเพิ่มนั้นกระทรวงคมนาคม. ทล. และหน่วยงานเกี่ยวข้องได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยตามแผนจะทยอยสรุปเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อนำเสนอ ครม. ในเดือนต.ค.จำนวน 5 สัญญา เดือนพ.ย. จำนวน 3 สัญญาและที่เหลือ 9 สัญญาจะเร่งดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบกฎหมาย เพื่อนำเสนอในเดือนธ.ค.2564