นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจของ TRA Poll ของผู้บริหารกลุ่มค้าปลีก ค้าส่ง และบริการ จำนวน 283 ราย เห็นว่านโยบายการเตรียมเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.64 ของภาครัฐถือเป็นสัญญาณที่ดี เป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติให้เข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว
แต่ต้องขอเน้นย้ำรัฐบาลในเรื่องการเตรียมความพร้อมเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างจริงจังและเข้มข้น พร้อมทั้งเร่งการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศภายในปี 2564 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ รวมทั้งต้องจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ และมีจำนวนที่เพียงพอจนถึงปี 65 และการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงชุดตรวจ ATK ที่สะดวกและราคารับได้ ผลสรุปความคิดเห็นของผู้บริหารกลุ่มค้าปลีก ค้าส่ง และบริการ ในหัวข้อ "ภาคการค้าปลีกและบริการพร้อมเปิดประเทศ ภายใต้เงื่อนไขมิติเศรษฐกิจและสาธารณสุข" มีรายละเอียด ดังนี้
- การเปิดประเทศ รัฐบาลควรมีความพร้อมในเรื่องใดบ้าง
ด้านสาธารณสุข ด้านเศรษฐกิจ 80.5% กระจายวัคซีนให้ได้ตามเกณฑ์ 68.6% เพิ่มกำลังซื้อให้ผู้บริโภคอย่างตรงเป้าและมีประสิทธิภาพ
74.8% มีการคัดกรองที่เข้มข้นและมีแผนวัคซีนถึงปี 65 65.7% ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศเพื่อกระจายรายได้
64.2% เข้าถึงชุดตรวจ ATK ในราคาจับต้องได้ 62.2% ลดค่าครองชีพ ลดค่าน้ำค่าไฟ และอินเตอร์เน็ต
52.1% เสริมสภาพคล่องธุรกิจด้วยการเขาถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ
- ความกังวลต่อความพร้อมในการเปิดประเทศ
73.2% ประชาชนยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนตามเกณฑ์เพียงพอ
60.9% อัตราการติดเชื้อของประชาชนยังอยู่ในเกณฑ์สูง
56.8% มาตรการการควบคุมการระบาดยังไม่เข้มข้น
36.1% ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขค่อนข้างสูง
- ผู้บริหารกลุ่มค้าปลีก ค้าส่ง และบริการมีความพร้อมในการเตรียมตัวเปิดประเทศในเรื่องใดบ้าง
77.3% พนักงานได้รับการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์
57.6% ธุรกิจพร้อมกลับมาเปิดตามปกติ
47.1% พร้อมปฎิบัติตามมาตรการ COVID FREE SETTING
39.2% มีกระบวนการคัดกรองผู้ติดเชื้อที่เข้มข้น
- รัฐบาลต้องกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านใดบ้าง เพื่อที่จะทำให้ประเทศฟื้นตัวได้รวดเร็ว เข้มแข็ง และยั่งยืน
70.7% การท่องเที่ยว
60.7% การลงทุน
56.8% โครงสร้างการรองรับ New Economy
44.6% การศึกษาและการพัฒนาศักยภาพประชากร
44.3% การลดความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการเปิดประเทศครั้งนี้ นอกเหนือจากการผ่อนคลายมาตรการทางสาธารณสุขแล้ว สมาคมผู้ค้าปลีกไทยยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศในกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงโดยการนำโครงการ "ช้อปดีมีคืน" กลับมาอีกครั้งหนึ่ง และเพิ่มวงเงินเป็น 200,000 บาท เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นให้กลับมาโดยเร็ว
สำหรับผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม SME ให้จัดหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และเป็นแต้มต่อให้ SME ไทยสามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อไป คนไทยควรปรับแนวคิดว่าจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับโควิดให้ได้ และต่อจากนี้ไปเราต้องร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยเข้าสู่การฟื้นฟูอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อการเติบโตของประเทศอย่างยั่งยืน