นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศในส่วนของกระทรวงคมนาคมว่า ในวันนี้ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานกระทรวงคมนาคมที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมต่างๆ โดยในส่วนของบมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือทอท. ได้แนวทางปฏิบัติเป็นไปตามมาตรฐานของสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขกำหนด สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) กรมศุลกากร โดยในวันที่ 20 ต.ค.เวลา 13.30 น. ตนจะไปตรวจความพร้อมที่สนามบินดอนเมือง และเวลา 15.00 น. จะไปตรวจที่สนามบินสุวรรณภูมิ และวันที่ 27 ต.ค. จะมีการสรุปความพร้อมในด้านต่างๆ
ทั้งนี้ จากการหารือ ยังมีความเป็นห่วงเรื่องการคัดกรองผู้โดยสาร โดยทอท.ยืนยันบูรณาการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขแล้วอีกทั้ง มีประสบการณ์ในการตรวจวัดอุณหภูมิโดยใช้เครื่องตรวจแบบอัตโนมัติ ตั้งค่าที่ 37.5 องศาเซลเซียล ซึ่งหากเกินจะบุคลากรทางการแพทย์จะคัดกรอง เพื่อตรวจซ้ำและนำส่งตามขั้นตอน
นอกจากนี้ยังเตรียมระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ เชื่อมต่อจากสนามบิน ทั้งรถแท็กซี่ รถตู้ ลีมูซีน ฯลฯ โดยใช้โมเดล "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" มีฉากกั้นระหว่างคนขับและผู้โดยสาร โดยส่งถึงที่พักไม่แวะระหว่างทาง
สำหรับการเตรียมพร้อมระบบคมนาคมขนส่งในการเดินทางภายในประเทศ ระบบรางจะมีเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าระบบ ซึ่งจะเพิ่มความเข้มข้นในการคัดกรองส่วนการเดินทางระหว่างจังหวัด ทั้งเครื่องบิน ระบบขนส่งอื่น ๆ จะมี มาตรการจำหน่ายตั๋วโดยพิจารณา เอกสารยืนยันฉีดวัคซีนครบ 2 โดส เป็นต้น
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า มาตรการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาชัดเจนเรื่องฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่า 2 โดส ในส่วนของคนไทยที่จะมีการเดินทางควรใช้มาตรฐานเดียวกับนักท่องเที่ยวหรือไม่ เช่น ควรฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่า 2 โดส ก่อนซื้อตั๋วเครื่องบิน รวมถึงการเดินทางด้วยรถไฟ รถบขส. หรือ ทางน้ำ เป็นต้น เพราะหากคนไทยไม่ใช่มาตรฐานเดียวกัน อาจจะเป็นความเสี่ยงของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาหรือไม่ โดยให้ปลัดกระทรวงคมนาคมหารือผู้เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และนำเสนอต่อศบค.ต่อไป
"ขณะนี้ ยังมีเวลาอีก 12 วันในการเตรียม ซึ่งผมเห็นว่า สำหรับคนไทยควรใช้มาตรฐานเดียวกันนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะการฉีดวัคซีนจะทำให้ลดความรุนแรงหากมีการติดเชื้อ ซึ่งมีข้อมูลจากสาธารณสุขยืนยัน ดังนั้นหากเปิดประเทศ ก็ควรมีมาตรการให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามามั่นใจ ขณะที่คนไทยก็ต้องมั่นใจว่าจะไม่มีเชื้อจากนักท่องเที่ยว จึงจะสามารถเปิดประเทศจริงๆ ทุกคนต้องช่วยกัน เพราะวันนี้เราจะเปิดประเทศ กำลังจะรับนักท่องเที่ยว นักลงทุน ต่างชาติ ดังนั้นจะต้องสร้างความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยปลอดภัย ระบบขนส่งโลจิสติกส์ปลอดภัย ไม่เช่นนั้น เป็นการล้มเหลวในการเปิดประเทศ"
โดยบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ได้ประเมินเบื้องต้นว่า เปิดประเทศจะมีปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสาร จะกลับมาอยู่ในระดับ 50% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งมีปริมาณเที่ยวบินกว่า 1.05 ล้านเที่ยวบิน ทั้งนี้ จำนวนผู้โดยสารถ้านับจำนวนหัว จะเท่ากับ 82.5 ล้านคน (ภายในประเทศ 38 ล้านคน ระหว่างประเทศ 44 ล้านคน) โดยขณะนี้ การเดินทางของสายการบินสามารถขายตั๋วได้เท่ากับความจุเครื่องบินแล้ว แต่การพักคอย หรือเข้าคิว ต่างๆในสนามบินจะต้องมีมาตรการเว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัดเหมือนเดิม